ไขข้อกระจ่าง!! แอลคาร์นิทีนเสี่ยงต่อโรคหัวใจหรือไม่?

เฟสบุ๊คเพจ หมอหล่อคอเล่า ได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการกินแอลคาร์นิทีน เสี่ยงต่อโรคหัวใจหรือไม่?

แอลคาร์นิทีน (L-carnitine) เป็นอาหารเสริมที่นิยมใช้กันบ่อย ในการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ หรือ ในวงการเพาะกาย ด้วยกลไกที่สุดแสนจะมหัศจรรย์พันลึก นั่นก็คือ เป็นตัวกลางที่พากรดไขมันเข้าสู่อวัยวะภายในเซลล์ที่เรียกว่า "ไมโตคอนเดรีย" (ส่วนประกอบที่มีหน้าที่สร้างพลังงานในเซลล์) เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงานนั้นเอง

งานวิจัยจากนักวิจัยระดับโลกที่เปิดเผยในวารสารวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่าง #Nature เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า #แอลคาร์นิทีน ซึ่งโดยทั่วไปเป็นกรดอะมิโนที่มีอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว หมู ไก่ แต่จะพบมากในเนื้อแดงและตับ จะถูกแบคทีเรียในลำไส้ของเรา ย่อยต่อไปจนได้สารที่มีชื่อว่า #TMA (Trimethylamine) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ #สารที่เป็นต้นกำเนิดของภาวะหลอดเลือดตีบเเข็ง (Pro-atherosclerotic metabolite) นั่นก็คือ #TMAO (Trimethylamin-N-Oxide) นั่นเอง เจ้า TMAO หากมีมากจะทำให้เราเสี่ยงต่อการเกิดโรคในกลุ่มหลอดเลือดและหัวใจมากขึ้น เช่น โรคเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบ โรคเส้นเลือดสมองตีบ เป็นต้น

นอกจากแอลคาร์นิทีนแล้ว สารในกลุ่ม #ฟอสฟาทิดิลโคลีนหรือเลซิทิน (Phosphatidylcholine or #Lecithin) ซึ่งพบมากในอาหารประเภท เนื้อวัว เนื้อแกะ ไข่แดง และอาหารที่มีไขมันจากสัตว์สูง ก็ยังเป็นอีกตัวหนึ่งที่จะถูกเจ้าแบคทีเรียในลำไส้ย่อยสลายจนก่อให้เกิดสาร TMAO ได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ได้ #ทดลองในหนูเท่านั้น ในคนยังต้องรอผลการศึกษาอื่น ๆ อีกครับ

รู้แล้วเอามาใช้อย่างไรดี ? เนื่องจากทั้ง แอลคาร์นิทีน และฟอสฟาทิดิลโคลีน หรือ เลซิทิน ได้จากอาหารในกลุ่ม ไข่แดง ตับ เนื้อแดงต่าง ๆ อาหารที่มีไขมันจากสัตว์ที่สูง ๆ รวมทั้งอาหารเสริมที่มีขายกันมากมาย ดังนั้น เราควรบริโภคอาหารเหล่านี้อย่างพอเหมาะพอควร เช่น กินเนื้อแดงไม่ควรเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ ประมาณไม่เกิน 1 ฝ่ามือ กินอาหารที่ดีต่อ Microbiota ของเราเป็นประจำ (เหมือนในบทความที่ผ่่านมา) และรับประทานอาหารเสริมดังกล่าวตามคำแนะนำของแพทย์ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพของเราให้ห่างไกลจากโรคภัยต่าง ๆ ที่ว่ามาได้ครับ

ขอบคุณที่มาจาก FB : หมอหล่อคอเล่า