รู้ทัน ป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถป้องกันได้หากรู้จักระมัดระวังและมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ควรให้คู่นอนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
1.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากอะไร?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อชนิดต่างๆ โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศผ่านทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปากก็สามารถติดเชื้อได้ ทั้งนี้ แต่ละโรคก็เกิดจากเชื้อ รวมถึงมีลักษณะและอาการของโรคที่แตกต่างกัน
2.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) มีโรคอะไรบ้าง ?
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นการนิยามลักษณะการติดเชื้อที่พบได้จากการมีเพศสัมพันธ์ แต่บางโรคก็สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้หลายวิธีไม่ได้จำกัดแค่การมีเพศสัมพันธ์อย่างเดียว ซึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยมีดังนี้
หนองใน (Gonorrhea)
หนองในเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถรับเชื้อได้ผ่านทางอวัยวะเพศ ทวารหนักและปาก ผู้ที่ติดเชื้อเพศชายมักมีอาการปวดแสบเมื่อปัสสาวะ ในขณะที่เพศหญิงมักมีอาการเดียวกันแต่ไม่รุนแรงเท่าเพศชาย ผู้ป่วยโรคหนองบางรายแม้จะติดเชื้อแต่ก็ไม่แสดงอาการ และโรคนี้สามารถส่งต่อเชื้อแบคทีเรียไปยังทารกระหว่างการคลอดบุตรได้
หนองในเทียม (Chlamydia)
หนองในเทียมเกิดจากการติดเชื้อคลามัยเดีย (Chlamydia trachomatis) อาการใกล้เคียงกับโรคหนองในสามารถติดต่อได้ทั้งชายและหญิง ผ่านทางช่องคลอดและทวารหนัก ในเพศหญิงสามารถส่งต่อเชื้อไวรัสไปยังทารกได้ระหว่างการคลอดบุตร
เริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes)
โรคเริมเป็นผิวหนัง มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ HSV (Herpes Simplex Virus) สามารถติดเชื้อได้หลายทางรวมถึงผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางช่องคลอดและทวารหนัก โรคนี้มักจะทำให้เกิดตุ่มที่อวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งไวรัสสามารถแพร่กระจายได้แม้ผู้ติดเชื้อยังไม่แสดงอาการ และโรคนี้สามารถส่งต่อเชื้อไวแบคทีเรียไปยังทารกระหว่างการคลอดบุตรได้
การติดเชื้อ HIV
HIV เป็นเชื้อไวรัสที่เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย สามารถทำให้เกิดภาวะคุ้มกันบกพร่องหรือ AIDS ซึ่งอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา เชื้อ HIV สามารถแพร่ไปยังทารกได้ขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร
การติดเชื้อ HPV
เชื้อ HPV เป็นกลุ่มเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 200 ชนิด ซึ่งมีประมาณ 40 ชนิดที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บางชนิดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ และบางชนิดเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
โลน (Pubic lice)
โลนเป็นปรสิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บริเวณหัวหน่าวและอวัยวะเพศ บางครั้งก็พบในขนส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ขนขา รักแร้ หนวด เครา ขนตา คิ้ว เป็นต้น ตัวโลนอาศัยอยู่บนร่างกายมนุษย์ด้วยการดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร และเนื่องจากโลนไม่สามารถกระโดดหรือบินได้จึงแพร่กระจายด้วยการสัมผัสโดยตรง หรือผ่านผ้าที่ใช้ร่วมกันเช่นผ้าเช็ดตัวหรือผ้าปูเตียง
ซิฟิลิส (Syphilis)
ซิฟิลิสเป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย สามารถติดเชื้อได้ทาง บริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ช่องปากและริมฝีปาก ในเพศหญิงสามารถส่งต่อเชื้อไปยังทารกในครรภ์ได้ ซิฟิลิสจะทำให้เกิดแผลผื่นบนผิวหนัง ซึ่งแผลผื่นที่เกิดจากซิฟิลิสจะทำผู้ป่วยรับและแพร่เชื้อ HIV ได้ง่ายขึ้น ในบางกรณีซิฟิลิสสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
พยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis)
พยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis หรือ Trich) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่โรคนี้มักไม่แสดงอาการ แต่ผู้ติดเชื้อบางรายอาจจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อ 5-28 วัน โรคนี้พบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง แต่พบบ่อยในเพศหญิง และมักมีอาการชัดเจนกว่าเพศชาย
ไวรัสตับอักเสบบี
โรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคตับที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้
3.อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นอย่างไร ?
อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของโรค ซึ่งอาการต่างๆ อาจเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศอย่างเดียว หรืออวัยวะอื่นๆ ในร่างกายได้ทั้งหมด โดยเราสามารถสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้
มีตกขาวผิดปกติ หรือตกขาวเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ
ตกขาวมีกลิ่น มีอาการคัน หรือระคายเคือง
มีตุ่ม มีผื่น หรือแผล บริเวณอวัยวะเพศ
อาจมีน้ำเหลืองหรือน้ำหนอง ไหลออกมาจากปลายอวัยวะเพศชาย
ปัสสาวะแสบขัด
มีอาการเจ็บแสบ หรือเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
มีอาการระคายเคืองที่อวัยวะเพศ
4.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ป้องกันได้อย่างไร ?
การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีและทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
การมีคู่นอนคนเดียว
การเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคหนองในแท้และหนองในเทียมปีละครั้ง โดยเฉพาะหญิงอายุน้อยกว่า 25 ปีที่มีกิจกรรมทางเพศบ่อย หญิงที่มีคู่นอนหลายคน หรือกลุ่มชายรักชาย
การตรวจคัดกรองโรคซิฟิลิสอย่างน้อยปีละครั้งในกลุ่มชายรักชาย
การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี สำหรับคนที่มีอายุ 9-45 ปี
เครดิตแหล่งข้อมูล : synphaet