“สตรีวัยทอง” มีไขมันสะสม “ที่ต้นขา” ดีกว่าที่หน้าท้อง
หน้าแรกTeeNee รวมเรื่องสุขภาพดีๆ สุขภาพผู้หญิง “สตรีวัยทอง” มีไขมันสะสม “ที่ต้นขา” ดีกว่าที่หน้าท้อง
งานวิจัยครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ พบหลักฐานบ่งชี้ว่า การมีไขมันสะสมที่ต้นขาแทนที่จะเป็นที่หน้าท้องจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจในผู้หญิงวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน
งานวิจัยชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Women's Health Initiative ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ในสหรัฐฯ ที่ทำการศึกษาปัญหาด้านสุขภาพที่นำไปสู่ภาวะการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตในกลุ่มสตรีวัยทอง นับเป็นหนึ่งในการศึกษาเชิงวิจัยเพื่อการป้องกันครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
งานวิจัยชิ้นนี้เฝ้าติดตามสุขภาพของผู้หญิง 2,600 คน ที่มีน้ำหนักตัวปกติ กล่าวคือ ผู้มีดัชนีมวลกาย หรือ BMI ระหว่าง 18-25 เป็นเวลา 18 ปี และได้รับการสแกนเพื่อตรวจวัดระดับไขมัน กล้ามเนื้อ และความหนาแน่นของมวลกระดูก เป็นประจำ
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ด้านโรคหัวใจ European Heart Journal พบว่า ผู้หญิงที่มีหุ่น "ทรงแอปเปิล" ซึ่งเป็นผู้ที่มีภาวะลงพุงและรอบเอวหนานั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Diseases) มากเป็นสามเท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีหุ่น "ทรงลูกแพร์" ซึ่งมีไขมันสะสมบริเวณสะโพกและต้นขามาก
เหตุใดหุ่นทรงแอปเปิลจึงเสี่ยงก่อปัญหาสุขภาพ
เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ว่า ไขมันประเภทที่สะสมอยู่รอบอวัยวะในช่องท้องซึ่งเรียกว่า ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) นั้นจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะที่ร่างกายเผาผลาญอาหารผิดปกติ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า โรคหัวใจ เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพความเป็นอยู่ของคนในยุคปัจจุบัน โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในปี 2015 กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก โดยคิดเป็น 31% ของการเสียชีวิตของคนทั้งโลก
ขณะที่สถิติของกระทรวงสาธารณสุขไทย เมื่อเดือน ก.ย. 2018 พบว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 432,943 คน อัตราเสียชีวิต 20,855 คน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน อาหารการกิน และการขาดการออกกำลังกาย
ไขมันที่ต้นขาช่วยป้องกันโรคหัวใจอย่างไร
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงเหตุผลว่าไขมันที่ต้นขาช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้อย่างไร แต่ที่ทราบก็คือไขมันบริเวณนี้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ในร่างกาย
ศ.ฉีปิน ฉี จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์อัลเบิร์ตไอน์สไตน์ในนครนิวยอร์ก ผู้ร่วมงานวิจัยครั้งนี้ระบุว่า งานวิจัยก่อนหน้านี้มักมุ่งศึกษากลุ่มผู้มีภาวะน้ำหนักตัวเกินหรือผู้เป็นโรคอ้วน
เขากล่าวว่า อาสาสมัครที่เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้ล้วนเป็นผู้หญิงน้ำหนักตัวปกติ ดังนั้นผลที่ได้จึงมีนัยสำคัญที่บ่งชี้ว่า แม้แต่ผู้หญิงที่มีน้ำหนักในเกณฑ์ปกติ แต่รูปทรงของร่างกายว่าเป็น "ทรงแอปเปิล" หรือ "ทรงลูกแพร์" ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!