คอลลาเจนเป็นสารชีวเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของชั้นผิวหนังเรา การมีคอลลาเจนที่สมบูรณ์จะทำให้ผิวเราดูตึง กระชับไม่หย่อนคล้อยและดูเหมือนผิวเด็ก ทำให้คอลลาเจนถูกนำมาใช้ในแวดวงผิวพรรณและความงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในรูปแบบรับประทาน
สิ่งที่ทุกคนตั้งคำถามก็คือ กินแล้วได้ผลจริงหรอ ? ราคาก็แพง จะเสียเงินไปเปล่า ๆ ไหม ?
และที่ผ่านมาเราเองก็มักไม่พบว่ามีวิจัยเกี่ยวกับการกินคอลลาเจนในคนเลย ส่วนใหญ่จะทำในสัตว์ทดลอง หรือ ในหลอดทดลอง จนมีข้อมูลในปี 2013 มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งออกมาเกี่ยวกับผลของการกินคอลลาเจนกับสุขภาพผิวในมนุษย์ และตีพิมพ์ในวารสาร Skin pharmacology and Physiology ปี 2014 มาดูกันครับว่า เค้าทดลองกันยังไงบ้าง ?
การทำวิจัยครังนี้ ต้องการเปรียบเทียบว่า สภาพผิวหน้าของคนที่กินคอลลาเจน มีความแตกต่างจาก คนที่ไม่กินหรือไม่ ?
โดยเอาผู้หญิงอายุ 35 - 55ปี มาเข้าร่วมการวิจัย แบ่งบางส่วนให้กิน คอลลาเจนที่สกัดจากหมู ย้ำว่าเป็นคอลลาเจนจากหมูนะครับ !! (Hydrolysis of porcine type I collagen ชื่อ Verisol จาก Eberbach, Germany)
- โดยกลุ่มที่ได้คอลลาเจนมี 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกได้กิน 2.5 กรัม/วัน และ กลุ่มที่ 2 กิน 5 กรัม/วัน เปรียบเทียบกับ กลุ่มที่ได้กินยาหลอกเป็นเวลา 8 สัปดาห์
ผลการวิจัย พบว่า
- การกินคอลลาเจน ไม่ว่าจะทั้ง 2.5 (2,500 mg/day) และ 5 (5,000 mg/day) กรัม/วัน ทำให้ ความหยืดยุ่นของผิวหน้า (Skin elasticity) ดีขึ้นเมื่อเที่ยบกับกลุ่มที่ไม่ได้กิน โดยจะเห็นผลตั้งแต่ระยะเวลา 4 สัปดาห์ เป็นต้นไป และหากกินต่อเนื่องไปจนครบ 8 สัปดาห์ ยังพบว่าความหยืดยุ่นของผิวหน้า (Skin elasticity) เพิ่มขึ้นจากเดิมได้อีกประมาณ 30 % โดยที่ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปีมีการความเปลี่ยนแปลงมากกว่ากลุ่มที่อายุน้อยกว่า (เพราะยิ่งเเก่ คอลลาเจนยิ่งเหลืออยู่น้อย ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่านั่นเอง)
ได้ฟังแบบนี้ก็ทำให้เราพอที่จะมีข้อมูลในการเลือกรับประทานอาหารเสริมประเภทนี้กันมากขึ้นนะครับ สิ่งที่สำคัญก็คือ คอลลาเจนในรูปแบบกินเท่านั้น ที่จะช่วยเรื่อง Skin elasticity รูปแบบทายังไม่เห็นงานวิจัยออกมาครับ และเราต้องไม่ลืมด้วยว่าในงานวิจัยนี้ ใช้คอลลาเจนที่สะกัดจากหมู ไม่ใช่ คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก หรือ จากอะไร ๆ ก็ตามที่มีให้เห็นกันในปัจจุบัน ดังนั้น ต้องตามไปดูผลวิจัยที่รับรองคอลลาเจนตัวนั้น ๆ อีกทีครับว่ามีหรือไม่ ? และได้ผลออกมาเป็นอย่างไร ?
อย่างไรก็ตามอาหารหลักที่ครบถ้วนทุกหมู่และมีสัดส่วนเหมาะสม ก็ควรจะมาก่อนอาหารเสริมต่าง ๆ ครับ เมื่อเรากินดี อยู่ดี ออกกำลังกายดีสม่ำเสมอแล้ว การกินวิตามินเพื่อเสริม เพื่อป้องกันโรคหรือภาวะความเสื่อมของร่างกาย อย่างมีความรู้และมีสติ ย่อมทำให้เราเป็นผู้บริโภคที่ฉลาดและมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เสื่อมง่าย ไม่ตายไว นั่นเองครับ