กินอะไรเข้าไปเยอะแล้ว ถึงเวลากำจัดสารพิษตกค้างออกจากร่างกายบ้าง เราขอเสนอสูตรการกินเพื่อ ดีท็อกซ์ แบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่นานเพียงแค่ 7 วัน รับรองว่าลำไส้สะอาด สุขภาพดี แถมตัวเบาสบายแน่นอน
ทำไมถึงต้องทำ ดีท็อกซ์ ปัจจุบันนี้เรารับสารพิษและสารเคมีจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น ทั้งจากอาหารที่กินเข้าไปและอากาศที่อยู่รอบตัว ถ้าร่างกายมีระบบขับพิษที่ดี คุณก็จะยังอยู่ดีมีสุข แต่เมื่อใดก็ตามที่ระบบดังกล่าวรับมือไม่ไหว โรคต่างๆ ก็จะทยอยถามหากันมากขึ้น ไล่ตั้งแต่โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ต่างๆ เบาหวาน ความดัน หลอดเลือดอุดตัน หรือแม้แต่อาการปวดเมื่อยต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเกิดจากการที่ร่างกายสะสมสารพิษไว้มากเกินไปก็ได้ ดังนั้น จึงควรดีท็อกซ์ด้วยการกินอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ร่างกายคืนสู่ภาวะสมดุล ตัวโล่ง เบาสบาย กระฉับกระเฉง แล้วประสาทสัมผัสทุกส่วนก็จะทำงานดีขึ้น
เตรียมพร้อมก่อนเริ่ม ก่อนจะทำการดีท็อกซ์ควรเตรียมตัวอย่างน้อยสัก 3 วัน โดยการ…
งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล ผลิตภัณฑ์จากนม แป้งสาลี มาการีน มายองเนส อาหารสำเร็จรูป และฟาสต์ฟู้ดทุกชนิด งดบริโภคเนื้อสัตว์ และกินผักสดให้มากขึ้นถ้าคุณดื่มกาแฟเป็นประจำ พยายามลดปริมาณให้เหลือน้อยที่สุด อาจเปลี่ยนมาดื่มชาเขียวหรือชาอู่หลงแทนดื่มน้ำให้มากขึ้น อย่างน้อย 8 แก้วต่อวันลงมือทำเลย!
เมื่อเตรียมร่างกายพร้อมแล้ว 7 วันนับจากนี้ตั้งใจให้ดี โดยกินตามแพลนนี้เลย
08.00 น. น้ำมะนาว+ผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง ชมพู่
10.00 น. น้ำมะนาว+แครอท แตงกวา เซเลอรี่ สตรอวเบอร์รี่ จะกินสดๆ หรือทำเป็นสมูธตี้ก็ได้
12.00 น. น้ำมะนาว+สลัดผักน้ำมันมะกอก (เน้นเป็นบร็อกโคลี่ หัวหอมใหญ่ กระเทียม ผักใบเขียวเข้ม แต่ห้ามใส่ข้าวโพดเด็ดขาด)
14.00 น. น้ำมะนาว+อัลมอนด์สัก 10-15 เม็ด
16.00 น. น้ำมะนาว+ข้าวกล้อง 1 ทัพพี กับผัดผักรวม อาจกินปลานึ่งได้เล็กน้อย
18.00 น. น้ำมะนาว
ผลลัพธ์ที่ได้หลังผ่าน 7 วันไปแล้ว ให้เริ่มกินอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ
ข้อควรระวัง!เราต้องบอกก่อนเลยนะว่า วิธีนี้ไม่ใช่ว่าใครนึกอยากจะทำก็ทำได้เลย แต่ต้องดูสุขภาพของตัวเองด้วยว่าพร้อมที่จะดีท็อกซ์หรือไม่ สำหรับคนท้องและผู้ให้นมบุตรในช่วง 6 เดือนแรกไม่ควรทำเด็ดขาด ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และในระหว่างการทำดีท็อกซ์คุณอาจมีปฏิกิริยาคายพิษได้ ช่วงแรกอาจรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ถ้าหากมีอาการใดๆ ที่คุณไม่แน่ใจก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
