เตือนคนขี้เกียจแปรงฟัน ระวังโรคหัวใจ-สมองเสื่อมถามหา
ผลการศึกษายังพบว่าเกือบ 3 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถาม (28 เปอร์เซ็นต์) ไม่ทราบว่าภาวะในช่องปากสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพในวงกว้างได้ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว มีการแปรงฟัน 93 วินาทีในแต่ละครั้ง
ดร.อเล็กซ์ จอร์จ ผู้ซึ่งทำงานร่วมกับคอลเกต โททัล สำหรับแคมเปญ #HappyHabits กล่าวว่า "ปากของคุณเป็นประตูสู่สุขภาพโดยรวมของคุณ ปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาเหงือก, ฟันผุ, ฝีในฟัน, อาการเสียวฟัน หรือการสะสมของคราบจุลินทรีย์อย่างรุนแรง มีความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ และแม้กระทั่งภาวะสมองเสื่อม"
นักวิจัยพบว่าการปรากฏตัวของโรคเหงือกยังเพิ่มการปรากฏตัวของนิวโทรฟิลหรือเม็ดเลือดขาวที่ถูกกระตุ้นเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียในปากโดยเอ็นไซม์ ไม่เพียงแต่ทำลายแคทีเรีย ยังสามารถกัดกร่อนเนื้อฟันที่ได้รับความเสียหายจากแบคทีเรียไปแล้ว ซึ่งอาจเพิ่มฟันผุได้
ไมเคิล โกลเกาเออร์ ผู้เขียนอาวุโสของการศึกษาวิจัยและหัวหน้าทันตแพทย์ที่ University Health Network กล่าวว่า นิวโทรฟิลหรือเม็ดเลือดขาว มีแนวโน้มที่จะปล่อยไซโตไคน์เร็วกว่ามาก ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงลบ ทั่วร่างกายปรากฏการเพิ่มของเซลล์เหล่านี้ เพื่อตอบสนองต่อการติดเชื้ออื่น ๆ
จากนั้นนักวิจัยทำการศึกษาว่า นิวโทรฟิลมีผลเชื่อมโยงกับมนุษย์อย่างไร อาสาสมัครถูกขอให้ไม่แปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก มีการเก็บเลือดและน้ำลายเป็นระยะตลอดการศึกษานี้ ผลลัพธ์สรุปว่าปรากฏตัวของนิวโทรฟิลเพิ่มขึ้นในช่วงที่ไม่มีการแปรงฟัน จากนั้นก็เริ่มสลายไปเมื่ออาสาสมัครกลับมาปฏิบัติตามกิจวัตรด้านสุขอนามัยในช่องปาก ด้วยเหตุนี้การดูแลช่องปากจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ทางด้านดร.โมนิก วาสันต์ ทันตแพทย์จากลอนดอน กล่าวว่า "ปัจจัยทางสังคมที่อยู่รอบๆ การระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ส่งผลให้สุขภาพช่องปากของผู้คนจำนวนมากลดลง หลายคนไม่รู้หรอกว่าการไม่แปรงฟันวันละสองครั้ง แม้เพียงสองสัปดาห์ อาจส่งผลให้เกิดการสะสมของคราบหินปูนหรือหินน้ำลายที่ส่งผลกระทบได้ยาวนาน ซึ่งเราเห็นว่าสิ่งนี้มีการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยที่นำเสนอ ด้วยโรคเหงือกและฟันผุ"
"ร่างกายที่แข็งแรงเริ่มต้นด้วยปากที่แข็งแรง และความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนให้กิจวัตรด้านสุขอนามัยในช่องปากที่ดีขึ้น ขอย้ำอีกครั้ง สุขภาพช่องปากที่ดีเริ่มต้นที่บ้าน ไม่ใช่ที่คลินิกหมอฟัน"