ใครบอกว่าไตวายระยะสุดท้ายมียากินแล้วหายขาด...ผมไม่เคยเห็นครับ
แต่ทางรอดผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายมีแน่และรอดนานมากด้วยนานเป็นหลายสิบปีก็มี
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในประเทศไทยนั้นมีจำนวนมาก...มากจนน่าตกใจเพราะมีมากเกือบ 20% ของคนไทยคือเกือบ 10 ล้านคน
ผู้ป่วยที่เป็นไตวายขั้นสุดท้ายที่ต้องได้รับการล้างไตมีมากเป็นหลักแสนคน
แล้วทางเลือกหล่ะ...มีอะไรบ้าง
ทางเลือกของผู้ป่วยไตวายมีด้วยกัน 3 ทางเพื่อจะต่อชีวิตผู้ป่วย(เอาง่ายๆครับถ้าไม่เลือก...ตายแน่ 100%)
1.การเปลี่ยนไต (Kidney transplant)
เป็นทางเลือกที่นับว่าดีที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากพอเปลี่ยนไตแล้วชีวิตของผู้ป่วยแทบจะกลับไปใช้ชีวิตได้คล้ายช่วงที่ไตยังดีอยู่ต่างก็เพียงแค่ต้องกินยากดภูมิและมาพบแพทย์เป็นประจำ แต่คนที่โชคดีได้รับการเปลี่ยนไตมีเพียงแค่ปีละ 400-500 คนเท่านั้น มีคนเข้าคิวรอเปลี่ยนไต 40,000-50,000 คน ซึ่งคือ 1% ดังนั้นเราจึงต้องรู้หนทางอื่นเพื่อรักษาชีวิตเราไว้ด้วย
2.การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal dialysis)
เป็นทางเลือกที่ดีอันหนึ่งซึ่งสามารถรักษาชีวิตผู้ป่วยให้ยืนยาวออกไปได้หลายปีหรือหลายสิบปี ข้อดีที่ชัดเจนเลยคือสามารถทำได้เองที่บ้าน และ สามารถไปเที่ยวต่างประเทศหรือต่างจังหวัดได้สะดวกเพียงแค่พกน้ำยาล้างไตไปด้วย ผู้ที่กลัวเข็ม หรือ ไม่อยากไปโรงพยาบาลบ่อยๆเพื่อฟอกเลือดจะเหมาะกับวิธีนี้มาก แต่ข้อจำกัดก็คือ ผู้ป่วยจะต้องสามารถช่วยตนเองได้ดีพอสมควร และ ต้องรักษาความสะอาดบริเวณสายล้างไตทางหน้าท้องเป็นอย่างดี
3.การฟอกเลือด (Hemodialysis)
เป็นทางเลือกอีกอันนึงที่มีข้อดีไม่น้อย การฟอกเลือดนั้นช่วยยืดอายุคนไข้ไตวายได้เป็นอย่างดีบางรายอาจมีอายุยืนยาวจนน่าตกใจ บางคนฟอกมาแล้ว 20-30 ปีก็ยังแข็งแรงดี การฟอกเลือดนั้นจะเป็นการนำเลือดที่มีของเสียออกมาเข้าเครื่องล้างคล้ายๆการซักผ้าทำความสะอาดแล้วส่งเลือดที่สะอาดแล้วกลับสู่ร่างกาย การฟอกเลือดแบบนี้จะต้องมาทำที่โรงพยาบาล สัปดาห์ละ 2-3 วันเป็นอย่างต่ำ ข้อดีคือสะอาดและมีพยาบาลคอยดูแล แต่ข้อเสีย คือ ชีวิตของท่านครึ่งนึงอยู่ที่โรงพยาบาล จะไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ค่อนข้างลำบาก
ทุกๆทางเลือกมีข้อดีข้อเสียสิ่งที่สำคัญของการเลือกว่าจะใช้วิธีไหนดีนั้นคนที่ตัดสินคือตัวผู้ป่วยและญาติ ทุกวิธียืดอายุได้นานนับสิบปี ดังนั้นการเลือกให้เหมาะสมกับความชอบและการใช้ชีวิตของผู้ป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญ
"ไม่มีการรักษาใดดีที่สุด...มีแต่เหมาะสมที่สุด...และของที่แพงที่สุดอาจไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน"
ที่มา : TheAsianParent Thailand