มหัศจรรย์ “เห็ดเข็มทอง” ลดน้ำหนักก็ได้ ควบคุมเบาหวานก็ดี ป้องกันโรคร้ายเพียบ!!
หน้าแรกTeeNee รวมเรื่องสุขภาพดีๆ โรคภัยไข้เจ็บ มหัศจรรย์ “เห็ดเข็มทอง” ลดน้ำหนักก็ได้ ควบคุมเบาหวานก็ดี ป้องกันโรคร้ายเพียบ!!
เอาใจคนรักเห็ด เชื่อว่าหลายคนคงรู้ว่าเห็นนั้นมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างมากและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของเรา จึงทำให้ไม่ว่าจะเป็นเห็ดหอม เห็ดหลินจือ เห็ดชิเมจิ เห็นออรินจิ และเห็ดชนิดอื่นๆ ที่สามารถรับประทานได้ก็ล้วนแต่ได้รับความนิยม และเห็ดอีกชนิดหนึ่งที่ถูกปากถูกใจคนจำนวนไม่น้อยนั่นก็คือ เห็ดเข็มทอง แต่หลายคนคงอาจยังไม่รู้ว่าเห็นชนิดนี้ ช่วยลดน้ำหนักได้และจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร และมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง เรามาเจาะลึกให้รู้กันไปเลย
เห็ดเข็มทอง หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า เห็ดเหมันต์ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Flammulina velutipes (Curt,ex Fr.) และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Golden Needle Mushroom, Needle Mushroom, Enokitake และ Enoki Mushroom เป็นเห็ดที่เกิดได้ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และมักอาศัยอยู่บนตอไม้หรือท่อนไม้ที่ตายแล้ว เดิมทีแล้วเห็ดเข็มทองมีลักษณะเป็นดอกเล็ก ๆ แต่ลำต้นสั้น แต่ที่เราเห็นลำต้นผอมยาวเป็นกระจุก ก็เพราะทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเห็ดเข็มทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ เพื่อให้สะดวกต่อการบรรจุและจำหน่าย ทั้งนี้เห็ดเข็มทองเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและรสชาติอร่อย เหนียวนุ่ม และที่ได้รับความนิยมเพราะสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย
โดยเห็ดเข็มทอง 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
- น้ำ 88.34 กรัม
- พลังงาน 37 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 2.66 กรัม
- ไขมัน 0.29 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 7.81 กรัม
- ไฟเบอร์ 2.7 กรัม
- น้ำตาล 0.22 กรัม
- ธาตุเหล็ก 1.15 มิลลิกรัม
- แม็กนีเซียม 16 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 105 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 359 มิลลิกรัม
- โซเดียม 3 มิลลิกรัม
- สังกะสี 0.65 มิลลิกรัม
- ไธอะมิน 0.225 มิลลิกรัม
- ไรโบฟลาวิน 0.200 มิลลิกรัม
- ไนอะซิน 7.032 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 6 0.100 มิลลิกรัม
- โฟเลต 48 ไมโครกรัม
- วิตามินดี 5 ยูนิต
เห็ดเข็มทอง สรรพคุณไม่ใช่เล่น กินเน้นๆ เพื่อสุขภาพ
เห็ดเข็มทองเป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางอาหารสูงไม่แพ้เห็ดชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะปริมาณวิตามินบีที่มีมากมายอันเป็นคุณค่าทางโภชนาการพื้นฐานของพืชตระกูลเห็ดเลยก็ว่าได้ ซึ่งเห็ดเข็มทองในปริมาณเพียง 1 ถ้วย ก็มีสารไนอะซิน หรือวิตามินบี 3 สูงถึง 23% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน แถมปริมาณไธอะมินที่มีก็เทียบเท่ากับ 10% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเหมือนกัน นี่ยังไม่นับรวมกับแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ อีกมากมายที่ถึงแม้จะมีอยู่ในปริมาณที่ไม่สูงมากนักแต่ก็ครบเครื่องเรื่องคุณค่าแบบสุด ๆ เราจึงสามารถรับประทานเห็ดเข็มทองแทนเนื้อสัตว์ได้ และเพราะสารอาหารที่มีอย่างเพียบพร้อมในปริมาณที่พอดี๊พอดี จึงทำให้เห็ดเข็มทองมีสรรพคุณมากมายดังนี้ค่ะ
1. ช่วยลดน้ำหนัก
ขึ้นชื่อว่าเห็ดแล้ว สรรพคุณเรื่องการลดน้ำหนักก็จะต้องนำมาอย่างโดดเด่น ด้วยเพราะปริมาณไฟเบอร์ที่มีสูง แถมยังแคลอรีต่ำเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อิ่มเร็ว อิ่มนาน อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้เกิดการผกผันจนทำให้เกิดอาการหิว นอกจากนี้การที่เห็ดเข็มทองสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ยังทำให้ไขมันสะสมที่เกิดจากการแปรสภาพของน้ำตาลลดลงด้วยล่ะค่ะ
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากญี่ปุ่น ดร.เอะงุชิ ฟุมิโอะ ยังได้มีการคิดค้นสูตรการลดน้ำหนักด้วยเห็ดเข็มทองขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งสูตรนี้มีชื่อเรียกว่า น้ำแข็งเห็ด ซึ่งมีวิธีการทำดังนี้ค่ะ
น้ำแข็งเห็ด
วิธีทำ
1. เตรียมเห็ดเข็มทอง 300 กรัม หั่นรากออก แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นหั่นแบ่งเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน
2. นำเห็ดเข็มทองใส่เครื่องปั่น เติมน้ำประมาณ 400 มิลลิลิตร ปั่นประมาณ 20-30 วินาที
3. เทลงหม้อตั้งไฟอ่อน เคี่ยวต่อ 1 ชั่วโมง จากนั้นปิดไฟ แล้วพักให้เย็น
4. เทใส่แม่พิมพ์น้ำแข็ง แช่ตู้เย็นในช่องแช่แข็ง
นอกจากนี้ ดร.เอะงุชิ ก็ยังแนะนำว่าควรรับประทานน้ำแข็งเห็ดให้ได้วันละ 3 ก้อน โดยการนำไปดัดแปลงใส่กับอาหาร หรือเครื่องดื่ม จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีขึ้นอีกด้วย
2. ต้านมะเร็ง
อีกคุณประโยชน์ที่เรียกได้ว่าสุดมหัศจรรย์นั่นก็คือสรรพคุณในการต้านมะเร็ง โดยมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์พบว่าการรับประทานเห็ดเข็มทองเป็นประจำสามารถทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกายได้กว่า 95% และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง นั่นก็เป็นเพราะว่าในเห็ดเข็มทองมีสารเฟลมมูลิน (flammulin) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งในร่างกายได้นั่นเอง
3. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
สารอาหารที่อัดแน่นอยู่ในเห็ดดอกเล็ก ๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งจะช่วยป้องกันร่างกายจากสารอนุมูลอิสระที่จ้องทำลายสุขภาพของเรา อีกทั้งยังเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย
4. สลายไขมันในระบบทางเดินอาหาร
รู้หรือไม่ว่าไขมันที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่ลง แต่เห็ดเข็มทองช่วยได้ค่ะ เพราะกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ที่อยู่ในเห็ดชนิดนี้จะเข้าไปสลายไขมันที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมอาหารไปใช้ได้ดีขึ้น และทำให้ไขมันสะสมในร่างกายได้รับการเผาผลาญมากขึ้นจากการทำงานของระบบทางเดินอาหารที่เป็นปกติค่ะ
5. ควบคุมระดับน้ำตาล
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ถ้าพลาดเห็ดเข็มทองแล้วจะต้องเสียดาย เพราะอย่างที่บอกไปเมื่อข้างต้นแล้วว่าเห็ดเข็มทองสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ไม่เพียงแค่กับคนที่มีสุขภาพปกติ แต่กับคนที่เป็นโรคเบาหวานด้วย เพราะเห็ดเข็มทองจะช่วยให้ภาวะผกผันของระดับน้ำตาลลดลง อีกทั้งไฟเบอร์ที่อยู่ในเห็ดเข็มทองก็ยังไปช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลมาใช้ได้อีกด้วย ส่งผลให้อาการของโรคเบาหวานบรรเทาลงโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2
6. แก้ท้องผูก
อาการท้องผูกส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการทำงานของลำไส้ที่ผิดปกติ ซึ่งวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้การทำงานของลำไส้กลับมาเป็นปกติได้ก็คือการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง และเห็ดเข็มทองก็เป็นอาหารที่มีไฟเบอร์อยู่ไม่น้อย หากรับประทานเห็ดชนิดนี้เป็นประจำแล้วละก็ รับรองว่าระบบขับถ่ายจะเป็นปกติ หมดปัญหาเรื่องขับถ่ายไม่ออก หรือลำไส้แปรปรวนได้เลยค่ะ
7. ช่วยบำรุงสมอง
เห็ดเข็มทองเป็นพืชที่มีกรดอะมิโนสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองในส่วนของความจำ อีกทั้งช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับสมองทั้งในผู้ใหญ่และเด็กในวัยเจริญเติบโต ถ้ากินเห็ดเข็มทองเป็นประจำก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้
8. ลดไขมันในเลือด
อีกหนึ่งประโยชน์ที่ต้องยกความดีความชอบให้ก็คือเรื่องนี้ล่ะค่ะ เพราะกากใยในเห็ดเข็มทองช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจในที่สุด
9. กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ
สาเหตุที่เห็ดเข็มทองช่วยลดน้ำหนักได้ไม่ใช่แค่เพียงว่ามีแคลอรีต่ำเท่านั้น แต่เพราะสารอาหารที่มีประโยชน์ในเห็ดเข็มทองรวมทั้งกากใยที่มีอยู่ไม่น้อยจะไปช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และไม่คั่งค้างเหลือกลายเป็นไขมันสะสมที่ร่างกายไม่ต้องการ คนที่มีปัญหาเรื่องระบบเผาผลาญต่ำ รับประทานเห็ดเข็มทองบ่อย ๆ ก็ช่วยได้เยอะเลยล่ะ
ที่มา : pluskhao.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!