แพทย์เตือน 4 โรคที่พบได้เมื่อติดอยู่ในถ้ำ
โรคและภาวะที่อาจพบได้ในกรณีที่ติดอยู่ภายในถ้ำ
โรคแรกคือโรคฉี่หนู หรือ เลปโตสไปโรซิส เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย กลุ่ม เลปโตสไปรา ระบาดมากหน้าฝน หรือช่วงที่มีน้ำท่วมขัง สัตว์ที่เป็นพาหะ ได้แก่ พวกสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู สุนัข วัวและควาย แต่ในกรณีของถ้ำ พาหะจะเป็นค้างคาว และอาจติดเชื้อจากการถูกกัดโดยตรงหรือสัมผัสเชื้อที่ปนอยู่ในน้ำหรือดิน อาการของโรคจะมีไข้สูงหนาวสั่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้อาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย บางรายอาการรุนแรงจนกระทั่งตับวาย ไตวาย และทำให้เสียชีวิตได้ในที่สุด
ส่วนอีกโรคที่น่าเป็นห่วงและมีพาหะเป็นสัตว์เหมือนกัน คือโรคพิษสุนัขบ้า โรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท พาหะคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม สุนัข แมว ในถ้ำสัตว์พาหะคือค้างคาว ซึ่งเมื่อถูกค้างคาวกัด คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้สึกตัว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีหากติดเชื้อ ซึ่งแรกเริ่มอาการจะคล้ายกับโรคฉี่หนู คือ ปวดหัว และเป็นไข้ หากไม่ได้รับวัคซีนตามที่กำหนด จะเสียชีวิตในที่สุด
นอกจากโรคที่มีสัตว์เป็นพาหะแล้ว ยังมีโรค “ฮีสโตพลาสโมสิส” ที่เกิดจากสปอร์ของเชื้อรา”ฮีสโตพลาสพลาสมา” ที่เจริญอยู่บริเวณผิวดินที่ชุ่มชื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่นกหรือค้างคาวถ่ายมูลเอาไว้ สามารถติดเชื้อได้โดยการสูดเอาสปอร์ของเชื้อเข้าไป และแบ่งตัวเป็นก้อนทำให้ปอดเป็นโพรง เกิดภาวะปอดอักเสบ ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง แบบเฉียบพลันจะมีไข้ หนาวสั่น ปวดหัว หายใจลำบาก ไอเป็นเลือด แต่ส่วนใหญ่อาการจะหายไปเอง ส่วนอาการเรื้อรัง จะมีไข้เป็นๆหายๆ เอ็กซเรย์จะเห็นฝ้าที่ปอด นอกจากนี้เชื้อตัวนี้ยังทำให้เกิดแผลเรื้อรัง ภายในช่องปากและตามใบหน้าด้วย
ขณะเดียวกัน ความเย็นในถ้ำ ซึ่งบางแห่งมีอุณหภูมิน้ำประมาณ 16-18 องศาเซลเซียส การแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานทำให้เสี่ยงต่ออาการ “ไฮโปเทอร์เมีย “ หรือ อาการของคนที่อุณหภูมิในร่างกายต่ำเกินไปคือ ตัวสั่น เดินช้า ปล่อยของหลุดจากมือ กล้ามเนื้อไม่ค่อยเคลื่อนไหว พูดไม่สะดวก มองเห็นไม่ชัดเจน ซึ่งถ้าอุณหภูมิในร่างกายลดลง 5-6 องศาจะทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้
ขอบคุณที่มา spring news
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!