เส้นเลือดในสมองแตก รู้ตัวก่อนด้วยสัญญาณเตือน


เส้นเลือดในสมองแตก รู้ตัวก่อนด้วยสัญญาณเตือน


โรคหลอดเลือดสมอง รู้ตัวก่อนได้ ด้วยสัญญาณเตือน หากไม่ดูแลตัวเองให้ชัดเจน ยิ่งเสี่ยงต่ออาการ เส้นเลือดในสมองแตก

ภาวะเลือดออกในสมอง สามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่อาจมีสาเหตุแตกต่างกันไปตามช่วงวัย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงทันทีทันใด แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่วมกับมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท ซึ่งดูแล้วอาจจะคล้ายคนเมาได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการดังกล่าว ควรนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที เพื่อให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร่งด่วน

ข้อมูลจากระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 ได้ระบุว่า ประชากรคนไทยเสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดในสมองแตกถึงร้อยละ 21.13 และในปี 2567 ที่ยังไม่ครบปีมีสูงถึงร้อยละ 20.77 ทั้งนี้หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัย หรือส่งโรงพยาบาลทันในเวลาเร่งด่วน จะสามารถลดความพิการและการเสียชีวิตได้ ทั้งนี้การรักษาผู้ป่วย จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณของเลือดที่ออก

 เส้นเลือดในสมองแตก คืออะไร

เส้นเลือดในสมองแตก เป็นหนึ่งในโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke มีสาเหตุมาจากหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือแตก เป็นผลให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จนเกิดเป็นอาการสมองขาดเลือด เซลล์ต่าง ๆ จะถูกทำลายจนเกิดเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

โรคหลอดเลือดสมองตืบตัน (Ischemic Stroke) : เกิดจากการสะสมของไขมันหรือหินปูน บริเวณผนังหลอดเลือดชั้นใน จนทำให้ขนาดของหลอดเลือดค่อย ๆ ตีบแคบลง ประสิทธิภาพการลำเลียงเลือดลดลง รวมถึงจากการปริแตกของคราบไขมัน บริเวณผนังหลอดเลือด ทำให้ลิ่มเลือดเกาะ จนเกิดเป็นภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ในที่สุด

โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) : เกิดจากผนังหลอดเลือดปริแตก ส่งผลต่อเนื้อสมองโดยตรง และเนื้อสมองจะตายในระยะเวลาไม่นาน เป็นผลให้ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ในทันที มักพบในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีหลอดเลือดโป่งพอง โรคตับ และโรคเลือดผิดปกติ

กลุ่มเสี่ยง เส้นเลือดในสมองแตก

โดยปกติกลุ่มเสี่ยงหลอดเลือดสมอง คือ ผู้ป่วยวัยสูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เพราะการเสื่อมของอวัยวะตามกาลเวลา ทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะถดถอยลง ทั้งนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้หลอดเลือดสมองเสื่อมเกิดมากขึ้น ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม ไขมันสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ ผู้ที่ดูแลสุขภาพสม่ำเสมอ ออกกำลังประจำ เลี่ยงอาหารประเภทแป้งและไขมัน รวมไปถึงอาจพบหลอดเลือดสมองแตก ในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่าที่พบโดยทั่วไป ผู้ป่วยเหล่านี้มักมีความผิดปกติของหลอดเลือดตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

อาการโรคหลอดเลือดสมอง

อาการชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า แขน หรือขา : มักจะเป็นร่างกายซีกซ้ายหรือซีกขวา ด้านเดียว สับสน พูดไม่ชัด หรือไม่เข้าใจคำพูดของผู้อื่น

ปัญหาในด้านการมอง :
อาจเกิดขึ้นที่ตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง

ปัญหาในการเดิน ทรงตัว :
หรือการประสานงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย

ปวดศีรษะรุนแรง ระดับความปวดมากที่สุดที่เคยประสบมา : อาการจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และไม่มีสาเหตุนำมาก่อนที่ชัดเจน วิงเวียน คลื่นไส้ หรืออาเจียนผิดปกติ

สัญญาณ BE FAST สัญญาณฉุกเฉินโรคหลอดเลือดสมอง

1. สูญเสียการทรงตัว (B-Balance)

มักเกิดขึ้นจากผลกระทบของเส้นเลือดในสมองแตก ในตำแหน่งสมองที่เกี่ยวกับทักษะการทรงตัว และการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อ และระบบประสาทต่าง ๆ สังเกตได้จาก การเดินเซ คล้ายกับว่าเดินสะดุดอะไรบางอย่าง นั่งหรือยืนไม่มั่นคง พยายามจับราวหรือกำแพงตลอดเวลา

2. ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด (E-Eyes)

การมองเห็นมักมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาการที่พบบ่อยมักเป็นอาการตาพร่ามัวกะทันหัน แต่อาจมีอาการอื่น ๆ เกี่ยวกับดวงตาได้อีก เช่น มองเห็นภาพด้านข้างไม่ชัด ในตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง, การมองเห็นลดลงหรือสูญเสียการมองเห็นเฉียบพลัน, มองเห็นภาพซ้อน หรือมองเห็นภาพบิดเบี้ยว, มองเห็นภาพมืดหรือสว่างขึ้นเฉียบพลัน และปวดตา

3. หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว (F-Face)

เป็นอาการโรคหลอดเลือดสมองที่ชัดเจนมากอาการหนึ่ง มักเกิดขึ้นทันทีหลังเกิดเส้นเลือดในสมองแตกหรืออุดตัน เกิดจากผลกระทบที่สมอง ส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งทำงานได้ไม่เต็มที่

4. แขนขาอ่อนแรง (A-Arms)

มีสาเหตุเดียวกันกับอาการใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว แต่ปัญหาในการควบคุมกล้ามเนื้อ จะเกิดกับกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่แขนหรือขา หากรู้สึกถึงอาการอ่อนแรงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของเส้นเลือดในสมองแตกหรืออุดตัน

5. พูดติดขัด ออกเสียงลำบาก (S-Speech)

การพูดติดขัดมักเกิดขึ้นกะทันหัน แต่ปัญหาของคนที่มีอาการโรคหลอดเลือดสมอง เป็นอาการที่เกี่ยวกับการควบคุมกล้ามเนื้อ ที่เกี่ยวกับการพูดทำให้มีอาการพูดติดขัด เปล่งเสียงลำบาก ออกเสียงไม่ชัด พูดติดอ่าง พูดตะกุกตะกัก

6. อาการส่วนใหญ่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน (T-Time)

เมื่อเส้นเลือดในสมองแตกหรืออุดตัน เนื้อเยื่อสมองจะขาดเลือดกะทันหัน ส่งผลให้ระบบประสาทต่าง ๆ ได้รับผลกระทบฉับพลัน หากมีสัญญาณ BE FAST ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะการรักษาภายใน 4.5 ชั่วโมงแรก มีความสำคัญต่อการรักษาชีวิตเป็นอย่างมาก หากช้าไปกว่านั้น อาจส่งผลให้เซลล์สมองตาย และฟื้นตัวยากขึ้น

การรักษาหลอดเลือดสมองแตก หายได้หรือไม่ ?

เพราะความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองแตก หรือเส้นเลือดสมองแตก ถือเป็นเรื่องที่ตื่นตัวในประเทศไทยอย่างมาก อาจด้วยเพราะอาการคล้ายกับคนเมา จึงทำให้ผู้ป่วยหลายรายเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้มากกว่าปกติ ทั้งนี้ก็ยังคงมีคำถามว่า จะสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ซึ่งทางการแพทย์ยืนยันว่าจะสามารถรักษาหายได้ และมีโอกาสรอดชีวิต หากเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที โดยวิธีการรักษามี 2 วิธีหลัก ๆ ได้แก่ การรักษาด้วยยา และการผ่าตัด

วิธีการป้องกัน หลอดเลือดสมองแตกควบคุมความดันเลือด : ความดันเลือดสูงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับโรค การรักษาความดันเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงได้

ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล :
คอเลสเตอรอลสูงนำไปสู่การสะสมของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดง ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคได้

เลิกสูบบุหรี่ : การสูบบุหรี่จะทำลายหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงโรค การเลิกสูบบุหรี่จึงเป็นสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค

ออกกำลังกายเป็นประจำ :
การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้หัวใจแข็งแรงและลดความดันเลือด การออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้

ทานอาหารเพื่อสุขภาพ :
ผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไม่ติดมัน เป็นอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด สามารถช่วยลดความดันเลือดและระดับคอเลสเตอรอล

จำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ :
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจเพิ่มความดันเลือดและความเสี่ยงของโรค จนนำไปสู่การเกิดหลอดเลือดสมองแตก

จัดการความเครียด :
ความเครียดอาจเพิ่มความดันเลือดและความเสี่ยง การจัดการความเครียดให้อยู่ในสภาวะปกติ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยง

วิธีการป้องกันหลอดเลือดสมองแตก เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถดูแลได้ก่อนเกิดโรคจริง เพราะเมื่อเกิดโรคแล้ว ย่อมมีความเสียหายที่กระทบต่อการดำรงชีวิตไม่มากก็น้อย วิธีป้องกันโรคหลอดเลือดทำได้ไม่ยาก หากใส่ใจและรักในสุขภาพร่างกาย รวมไปถึงการตรวจเช็กความผิดปกติของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการรู้ถึงอาการของโรคได้อย่างรวดเร็ว ก็สามารถรักษาและป้องกันร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้

เครดิตแหล่งข้อมูล :AmarinTV


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์