แพท์เตือน ลุยน้ำย่ำโคลนเท้าเปล่า เสี่ยงโรค ใครมีอาการนี้หาหมอด่วน


แพท์เตือน ลุยน้ำย่ำโคลนเท้าเปล่า เสี่ยงโรค ใครมีอาการนี้หาหมอด่วน


วันที่ 16 ก.ย. 2567 นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ฝนตกและเกิดน้ำท่วมขัง สคร.9 นครราชสีมา เตือนเกษตรกรและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือผู้ที่ทำงานสัมผัสดินและน้ำโดยตรง ไม่ควรเดินลุยน้ำด้วยเท้าเปล่า หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ นาข้าว แปลงผัก สวนยาง และบ่อน้ำ

นพ.ทวีชัย กล่าวต่อว่า หากต้องทำงานสัมผัสกับดินและน้ำที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน หรือมีบาดแผลขีดข่วน ควรสวมรองเท้าบูท สวมถุงมือยาง และกางเกงขายาว เพื่อป้องกัน เมื่อเสร็จภารกิจให้รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที และหากมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 5 วัน ควรรีบพบแพทย์

"โรคเมลิออยด์" หรือโรคไข้ดิน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เบอร์โคเดอเรีย สูโดมัลลิอาย พบได้ทั่วไปในดิน ในน้ำ นาข้าว ท้องไร่ สวนยาง ทั่วทุกภาคในประเทศไทย ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จับปลา ลุยน้ำ ปลูกแปลงผัก ทำสวนยาง จับปลา หรือลุยโคลน

 




เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ 1.การสัมผัสน้ำหรือดินที่มีเชื้อปนเปื้อน 2.ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป 3.สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน

นพ.ทวีชัย กล่าวอีกว่า อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ อาจติดเชื้อเฉพาะที่ หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะและเสียชีวิตได้ สถานการณ์โรคเมลิออยด์ ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 3 ก.ย. 2567 พบผู้ป่วย 2,399 ราย เสียชีวิต 68 ราย

สถานการณ์โรคเมลิออยด์ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 13 ก.ย. 2567 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์ จำนวน 353 ราย มีผู้เสียชีวิต 5 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 1.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 180 ราย เสียชีวิต 3 ราย 2.นครราชสีมา มีผู้ป่วย 94 ราย เสียชีวิต 2 ราย 3.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 44 ราย 4.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 35 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัว



นพ.ทวีชัย กล่าวต่อว่า เชื้อสามารถเข้าได้ทางผิวหนังโดยการสัมผัสดินและน้ำเป็นเวลานาน การกิน หรือดื่มน้ำไม่สะอาด และการหายใจเอาละอองฝุ่นดินเข้าไป จะมีอาการไข้ ไอเรื้อรัง ฝีที่ผิวหนัง ปวดท้อง ปวดข้อ และกระดูก โดยทั่วไปอาการมักปรากฏขึ้นใน 2-4 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ

นพ.ทวีชัย กล่าวอีกว่า หากติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มีโอกาสเสียชีวิตใน 1-3 วัน กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และ กลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ กลุ่มอาชีพที่ป่วยมากที่สุดคือ ชาวนาปลูกข้าว และเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่

นพ.ทวีชัย กล่าวต่อว่า ในการป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบูทหรือถุงพลาสติกหุ้มรองเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง สวมถุงมือยาง กางเกงขายาว หากมีบาดแผลควรปิดด้วย พลาสเตอร์กันน้ำ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากทำงานหรือลุยน้ำ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง

หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อที่แพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัยและรักษาทันทีตามอาการและความรุนแรงของโรค สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

 



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์