นิ่วในถุงน้ำดี โรคยอดฮิตที่สายบุฟเฟต์ทั้งหลายต้องระวัง
หน้าแรกTeeNee รวมเรื่องสุขภาพดีๆ โรคภัยไข้เจ็บ นิ่วในถุงน้ำดี โรคยอดฮิตที่สายบุฟเฟต์ทั้งหลายต้องระวัง
ชีวิตคนทำงานหาเช้ากินค่ำ เป็นมนุษย์เงินเดือนเดินดิน เชื่อเหลือเกินว่าจะมีอะไรสุขไปกว่าการได้ให้รางวัลตัวเอง ด้วยการทานของอร่อยๆไม่ว่าจะบุฟเฟต์ ชาบู ปิ้งย่าง ฯลฯ เพราะรสชาติอาหารเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการช่วยเยียวยาทำให้เราหายเหนื่อยและมีความสุข แต่กระนั้น หลายๆ คนก็อาจเผลอลืมไปว่า อาหารทอด อาหารปิ้งย่าง ไขมันสูง เหล่านี้ มีส่วนในการเป็นสาเหตุสำคัญของโรคร้ายหลายๆ โรคด้วย ซึ่งหนึ่งในโรคอันตรายที่หลายคนอาจไม่คุ้นแต่ปัจจุบันพบว่าเป็นกันมากขึ้นๆ ก็คือ "นิ่วในถุงน้ำดี" ที่หากเป็นแล้วล่ะก็ทางเดียวที่ดีที่สุดของการรักษาก็คือต้องผ่าตัดเท่านั้น!!
นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร ทำความรู้จักไว้เพื่อหนีให้ไกลปลอดภัยที่สุด
นิ่วในถุงน้ำดี คือ ตะกอนของแข็งที่เกิดสะสมขึ้นภายในถุงน้ำดี อาจมีขนาดเล็กเท่ากับเม็ดทรายหรือจะใหญ่ทำกับลูกมะกรูดก็ได้ ซึ่งตะกอนดังกล่าวจะมีจำนวนมากเป็นร้อยๆ ก้อน อุดตันอยู่ในถุงน้ำดี ทั้งนี้ถุงน้ำดีมีหน้าที่ทำให้น้ำดีเข้มข้น ไว้พร้อมใช้สำหรับขับน้ำดีออกมาคลุกเคล้ากับอาหาร โดยน้ำดีจะทำหน้าที่ดักจับไขมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย นั่นเองจึงทำให้เมื่อเกิดนิ่วขึ้น การทำงานของถุงน้ำดีจึงผิดปกติและส่งผลระบบทำงานของถุงน้ำดี ซึ่งถ้าหากนิ่วตกลงไปอุดที่ท่อน้ำดีใหญ่ อาจส่งผลต่อการทำให้ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ นิ่วในถุงน้ำดีสามารถจำแนกได้ออกเป็น 2 ชนิด คือ
ชนิดที่เกิดจากคอเรสเตอรอล พบได้บ่อยมากที่สุดคือร้อยละ 80 ของผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดีจะเป็นชนิดนี้ เกิดจากการมีคอเรสเตอรอลมากเกินไป จึงไปเกาะจับกันจนทำให้ถุงน้ำดีทำงานผิดปกติ
ชนิดที่เกิดจากเม็ดสีบิลิรูบิน พบได้น้อยกว่าชนิดแรก โดยก้อนนิ่วจะมีขนาดเล็กกว่าชนิดคอเรสเตอรอลมักพบในผู้ป่วยโรคตับแข็ง หรือผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปกติของเลือด อย่างโรคโลหิตจาง
ปัจจัยเสี่ยงใดบ้าง เป็นหนทางพาเราเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดี
หากสังเกตจากชนิดของโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราจะพบว่าชนิดที่เป็นกันมากที่สุดคือชนิดที่เกิดจากคอเรสเตอรอล นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนได้ว่า พฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนเรามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบกันด้วย ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีส่วนทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่
*ความอ้วน ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคนี้ได้มากที่สุด เพราะเป็นสาเหตุของการทำให้
*คอเรสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มมากขึ้น
*การทานอาหารไขมันสูง ชอบทานบุฟเฟต์ ปิ้งย่าง ฯลฯ เป็นสาเหตุของความอ้วน
*และนำไปสู่ภาวะคอเรสเตอรอลในน้ำดีสูง
*ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบทานผัก
*อายุ 40 ปี ขึ้นไป ระบบเผาผลาญในร่างกายที่แย่ลง ทำให้การสะสมคอเรสเตอรอลมีสูงขึ้น จึงเสี่ยงมากขึ้น
*โรคนิ่วในถุงน้ำดีพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
*ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีเพิ่มมากขึ้น เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน มีส่วนในการเพิ่มปริมาณคอเรสเตอรอลในถุงน้ำดี
หากพบว่าในครอบครัวมีคนเคยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี เราก็จะยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น
สังเกตอาการอย่างไร ถึงจะรู้ว่ากำลังเสี่ยงภัยนิ่วในถุงน้ำดี
ความอันตรายของโรคนิ่วในถุงน้ำดีคือเป็นโรคไม่แสดงอาการให้เราเห็นชัดเจนมากนักในช่วงแรก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทราบก็เมื่อได้รับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด แต่ทั้งนี้ เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ที่อาจเป็นสัญญาณของการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ จากหลายๆ อาการ ได้แก่
*คลื่นไส้ อาเจียน บ่อยๆ
*มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
*รู้สึกแสบร้อนที่อก มีลมในกระเพาะอาหาร
*หลังรับประทานอาหารมันๆ มักมีอาการเสียดท้อง แน่นท้องบริเวณลิ้นปี่
*ปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณช่วงท้องส่วนบนด้านขวา โดยปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน
*ในรายผู้ป่วยที่ถุงน้ำดีอักเสบ อาจมีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงด้านขวา
*บริเวณตำแหน่งของถุงน้ำดี และอาจมีภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง ร่วมด้วย
*ผ่าตัดผ่านกล้องนิ่วในถุงน้ำดี แป๊บเดียวก็หายดีกลับเป็นปกติเหมือนเดิม
สำหรับโรคนิ่วในถุงน้ำดีนั้น หากแพทย์ตรวจวินิจฉัยทราบแล้วว่าเป็นจริง วิธีการรักษาเดียวที่ดีที่สุดคือ "การผ่าตัด" ซึ่งการผ่าตัดแบบเดิมจะเป็นการผ่าตัดแบบเปิดช่องท้อง ทำให้เกิดแผลใหญ่ ผู้ป่วยบอบช้ำมาก เสียเลือดมาก มีภาวะความเสี่ยงมาก และต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น ด้วย "การผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก" จึงทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เสี่ยงน้อยลง ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งนี้ การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีผ่านกล้อง จะทำโดยการเจาะรูเล็กๆ ขนาดไม่ถึง 1 ซม. รวม 3 จุด แล้วสอดกล้องพร้อมเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็ก ผ่านรูหน้าท้องที่เจาะ เข้าไปทำการผ่าตัดรักษา ซึ่งการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยจะฟื้นตัวเร็วมาก เพียงแค่ 1-2 วันก็สามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แล้ว และภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติตามเดิม
รู้ไว้ไม่เสียหลาย เพื่อให้เราดูแลตัวเองได้ดีขึ้น
ปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องถุงน้ำดี ถือเป็นมาตรฐานหลักที่ใช้ในการรักษา เพื่อหากปล่อยไว้ไม่ทำการผ่าตัด อาการก็จะรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ แต่ทั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ยังมีสิ่งที่ควรรู้และทำความเข้าใจเพิ่มเติม ดังนี้
ในผู้ป่วยที่ผ่าตัดผ่านกล้องนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ควรรับประทานอาหารจำพวกผัก ปลา มากขึ้น และลดของมันลง เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับตัวเอง
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!