เตือนเคส เด็กติดโควิด ไม่มีโรคประจำตัว อาการรุนแรง สุดท้ายเสียชีวิต
หน้าแรกTeeNee รวมเรื่องสุขภาพดีๆ โรคภัยไข้เจ็บ เตือนเคส เด็กติดโควิด ไม่มีโรคประจำตัว อาการรุนแรง สุดท้ายเสียชีวิต
หมอสมองเด็ก เตือนเคส เด็กติดโควิด ไม่มีโรคประจำตัว แต่มีอาการทางสมองรุนแรง พบรอยโรคอยู่ตำแหน่งจำเพาะ สุดท้ายเสียชีวิต แนะแพทย์ ดู 2 อาการ
ลังเลอยู่นานว่าจะโพสต์เรื่องนี้เกี่ยวกับโควิดดีไหม เพราะก่อนหน้านี้ที่ระบาดระลอกก่อนหน้านี้ ยอมรับว่า ในฐานะหมอสมองเด็ก ไม่ค่อยได้ดูโควิดเท่าไรเพราะเด็กติดเชื้อน้อยกว่า และมักไม่มีอาการทางสมอง ได้แต่ติดตามรายงานจากของต่างประเทศ
จนฤดูกาลโอมิครอน เริ่มได้รับปรึกษาอาการทางระบบประสาทบ่อยขึ้นในทุกช่องทางจากทั่วสารทิศ ก็สามารถดูแลได้ จน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้รับปรึกษาเคสเด็ก 2 ราย จากคนละจังหวัด (อายุ 6 และ 8 ปี) ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน มีอาการทางสมองอย่างรุนแรง คือ ไข้ ชัก และซึมลงเหมือนกัน อย่างรวดเร็ว และรวดเร็วภายในชั่วโมงถึงวัน
หลังจากที่ได้รับปรึกษาจึงขอดูภาพถ่ายสมองที่ดูเผินๆ อาจจะไม่มีอะไรมาก (ภาษาหมอ คือ สมองบวมเป็นหย่อม) แต่พอได้ดูภาพด้วยตัวเองแล้ว เป็นไปตามที่คิดไว้ คือ มีรอยโรคอยู่ตำแหน่งจำเพาะของสมอง คือ thalamus 2 ข้าง
ซึ่งถ้าในฐานะหมอสมองเด็ก ก็วินิจฉัยว่าคือ "acute necrotizing encephalopathy (ANE)" ซึ่งพบบ่อยในไวรัสหลายชนิดโดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ กลไกการเกิดโรคยังไม่รู้แน่ชัด แต่จากข้อมูลที่มี คือ "cytokine storm" (หาคำไทยไม่เจอ)
น่าเสียดายที่ไม่สามารถช่วยเด็ก 2 คนนี้ไว้ได้ เพราะโรครุนแรงมากจริงๆ เพราะสมองเสียการทำงานไปหมด (ส่วนตัวยังไม่มั่นใจวินิจฉัยเร็วจะช่วยได้มากแค่ไหน) สุดท้ายเลยคิดว่าการโพสต์นี้อาจะช่วยเพิ่มความตระหนักให้ทั้งหมอเด็ก และประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับโควิดและอาการทางสมองแบบรุนแรง
***ขอย้ำว่าอาการรุนแรงแบบนี้พบน้อยมากครับถ้าเทียบกับจำนวนติดเชื้อทั้งหมด แต่เพื่อเป็นการเพิ่มความตระหนัก
สำหรับแพทย์ ถ้ามีอาการ ไข้ ชัก ร่วมกับซึม *ย้ำว่าซึมและนอนหลับมาก* จะเป็นอาการเด่นในภาวะนี้ซึ่งต่างจากคนส่วนใหญ่ที่มีไข้ และอาการชักโดยที่หลังชัก จะฟื้นคืนสติเหมือนเดิม ให้ยากันชักก็มักจะควบคุมอาการชักได้และปลอดภัย ถ้าเด็กมีอาการซึม ขอให้แพทย์ทำสแกนสมองและดูตำแหน่ง thalamus 2 ข้างให้ดี (เหมือนในภาพขวา จะมีจุดดำเล็กๆ ทั้ง 2 ข้าง) เพื่อการวินิจฉัยภาวะนึ้และรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพราะการส่งตัว น่าจะช้าในช่วงนี้
สำหรับประชาขนทั่วไป คงได้แต่ให้รีบพาไปฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จากหลักฐานปัจจุบันที่ยืนยันวัคซีนว่าลดความรุนแรงได้
วันที่ 7 เม.ย.65 นพ.กุลเสฎฐ ศักดิ์พิชัยสกุล แพทย์เชี่ยวชาญ โรคระบบประสาทวิทยา, โรคลมชัก
กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์-งานประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุถึงการแพร่ระบาดของโควิดในเด็ก ความว่าลังเลอยู่นานว่าจะโพสต์เรื่องนี้เกี่ยวกับโควิดดีไหม เพราะก่อนหน้านี้ที่ระบาดระลอกก่อนหน้านี้ ยอมรับว่า ในฐานะหมอสมองเด็ก ไม่ค่อยได้ดูโควิดเท่าไรเพราะเด็กติดเชื้อน้อยกว่า และมักไม่มีอาการทางสมอง ได้แต่ติดตามรายงานจากของต่างประเทศ
จนฤดูกาลโอมิครอน เริ่มได้รับปรึกษาอาการทางระบบประสาทบ่อยขึ้นในทุกช่องทางจากทั่วสารทิศ ก็สามารถดูแลได้ จน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้รับปรึกษาเคสเด็ก 2 ราย จากคนละจังหวัด (อายุ 6 และ 8 ปี) ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน มีอาการทางสมองอย่างรุนแรง คือ ไข้ ชัก และซึมลงเหมือนกัน อย่างรวดเร็ว และรวดเร็วภายในชั่วโมงถึงวัน
หลังจากที่ได้รับปรึกษาจึงขอดูภาพถ่ายสมองที่ดูเผินๆ อาจจะไม่มีอะไรมาก (ภาษาหมอ คือ สมองบวมเป็นหย่อม) แต่พอได้ดูภาพด้วยตัวเองแล้ว เป็นไปตามที่คิดไว้ คือ มีรอยโรคอยู่ตำแหน่งจำเพาะของสมอง คือ thalamus 2 ข้าง
ซึ่งถ้าในฐานะหมอสมองเด็ก ก็วินิจฉัยว่าคือ "acute necrotizing encephalopathy (ANE)" ซึ่งพบบ่อยในไวรัสหลายชนิดโดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ กลไกการเกิดโรคยังไม่รู้แน่ชัด แต่จากข้อมูลที่มี คือ "cytokine storm" (หาคำไทยไม่เจอ)
น่าเสียดายที่ไม่สามารถช่วยเด็ก 2 คนนี้ไว้ได้ เพราะโรครุนแรงมากจริงๆ เพราะสมองเสียการทำงานไปหมด (ส่วนตัวยังไม่มั่นใจวินิจฉัยเร็วจะช่วยได้มากแค่ไหน) สุดท้ายเลยคิดว่าการโพสต์นี้อาจะช่วยเพิ่มความตระหนักให้ทั้งหมอเด็ก และประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับโควิดและอาการทางสมองแบบรุนแรง
***ขอย้ำว่าอาการรุนแรงแบบนี้พบน้อยมากครับถ้าเทียบกับจำนวนติดเชื้อทั้งหมด แต่เพื่อเป็นการเพิ่มความตระหนัก
สำหรับแพทย์ ถ้ามีอาการ ไข้ ชัก ร่วมกับซึม *ย้ำว่าซึมและนอนหลับมาก* จะเป็นอาการเด่นในภาวะนี้ซึ่งต่างจากคนส่วนใหญ่ที่มีไข้ และอาการชักโดยที่หลังชัก จะฟื้นคืนสติเหมือนเดิม ให้ยากันชักก็มักจะควบคุมอาการชักได้และปลอดภัย ถ้าเด็กมีอาการซึม ขอให้แพทย์ทำสแกนสมองและดูตำแหน่ง thalamus 2 ข้างให้ดี (เหมือนในภาพขวา จะมีจุดดำเล็กๆ ทั้ง 2 ข้าง) เพื่อการวินิจฉัยภาวะนึ้และรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพราะการส่งตัว น่าจะช้าในช่วงนี้
สำหรับประชาขนทั่วไป คงได้แต่ให้รีบพาไปฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก สำหรับคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จากหลักฐานปัจจุบันที่ยืนยันวัคซีนว่าลดความรุนแรงได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
https://www.facebook.com/teeneedotcom
https://twitter.com/teeneecom
ดูดวงตามวันที่เกิด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!