COVID-19 สายพันธุ์ G เกิดขึ้นได้อย่างไร คนไทยต้องมีวิธีรับมือ
ใครๆ ก็รู้ว่า เชื้อไวรัส COVID-19 มีต้นกำเนิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่ชัดๆ เลนก็คือต้นปี 2020 ซึ่งในตอนนั้นมีเพียง 2 สายพันธุ์หลัก คือสายพันธุ์เอส S (Serine) และสายพันธุ์ L (Leucine) เท่านั้น
ครั้งแรกที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยนั้น สันนิษฐานได้ว่าเป็นการแพร่ระบาดจากการเดินทางข้ามประเทศของผู้คน โดยการกระจายเชื้อครั้งสำคัญในประเทศไทยในการระบาดระลอกแรกนั้นเกิดจากสนามมวยและแหล่งบันเทิงยามค่ำ ซึ่งพบว่าเป็น COVID-19 สายพันธุ์ S คือมีลักษณะจำเพาะในตำแหน่ง 829 บน spike โปรตีน (หนามแหลมที่ยื่นออกมา) โดยต่อมาไวรัสสายพันธ์นี้ก็มีการพัฒนาตัวเองให้เป็น Threonine T829 หรือสายพันธุ์ T แต่โชคดีที่ในปัจจุบันทั้งสายพันธ์ S และสายพันธุ์ T ไม่มีในประเทศไทยแล้ว เพราะคนไทยร่วมมือร่วมใจควบคุมการแพร่ระบาดในครั้งนั้นได้สำเร็จ
อีกสายพันธุ์หนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือสายพันธุ์ L ที่แพร่ระบาดหนักในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งไวรัสสายพันธุ์ L นี้ได้มีการพัฒนาแยกเป็นสายพันธุ์ G และ V โดยสายพันธุ์ G มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่ง 614 บน spike (หนามแหลมที่ยื่นออกมา) โดยลูกหลานของสายพันธุ์ G นั้นถูกแบ่งย่อยออกมาเป็น 2 สายพันธุ์ใหญ่ คือ GR (Arginine) และ GH (Histidine) ที่กำลังระบาดหนักอยู่ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ในประเทศไทยจะเป็นสายพันธุ์ G เพราะสายพันธุ์นี้มีการระบาดมากที่สุดในโลก คือเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ COVID-19 สายพันธุ์ G เป็นสายพันธุ์ที่เจริญเติบโตได้ดีในทางเดินหายใจ มีการพบเชื้อที่บริเวณลำคอของผู้ป่วยในปริมาณมากกว่าสายพันธุ์อื่น ทำให้แพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วกว่า 10-20 เท่า และจากการตรวจหาเชื้อใน State Quarantine ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ที่พบก็คือเชื้อจากสายพันธุ์ G เช่นกัน แต่ข้อดีของไวรัสสายพันธุ์นี้คือ ไม่ได้ทำให้โรครุนแรงขึ้นจากการพัฒนาสายพันธุ์ ในทางตรงกันข้ามพบว่าความรุนแรงของโรคกลับลดลง และผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่แทบจะไม่มีอาการอะไรเลย
วัคซีนที่ผลิตแล้วจากไวรัสสายพันธุ์เดิมยังใช้ได้อยู่หรือไม่เนื่องจากระบบภูมิต้านทานของโปรตีนใน spike หรือหนามแหลมที่ยื่นออกมาซึ่งเป็นส่วนที่กระตุ้นให้เกิดจากสร้างภูมิต้านทานนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างแต่อย่างใด ภูมิต้านทานจากวัคซีนที่ผลิตกันอยู่ในปัจจุบันจึงสามารถป้องกันได้ COVID-19 ได้อยู่แม้จะมีการพัฒนาสายพันธุ์ ดังนั้นความวิตกกังวลที่ว่าจะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในการค้นคว้าและผลิตวัคซีนใหม่ เพราะวัคซีนเดิมที่ค้นคิดได้แล้วไม่สามารถใช้กับ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ ได้จึงตกไป
แต่เพราะขณะนี้การผลิตวัคซีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนทั่วโลกได้อย่างทั่วถึง การป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อด้วยการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี ใช้แอลกอฮอล์เจลทั้งก่อนและหลังการสัมผัส หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดในระบบอากาศปิด และหมั่นล้างมือบ่อยๆ จึงยังเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ดีที่สุด
เมื่อไหร่ก็ตาม หากเรารู้ตัวว่าตนเป็นผู้มีความเสี่ยงก็ควรกักตัวเองอยู่ในบ้านของตนอย่างน้อย 14 วัน เพื่อความปลอดภัยของตนเองและส่วนร่วม เพราะเราทุกคนมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การระบาดของโรคหมดไปเพื่อจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเสียทีเครดิตแหล่งข้อมูล : phyathai