นิ่วในระบบปัสสาวะ ไม่ต้องผ่าตัด ก็รักษาได้
หากอธิบายง่ายๆนิ่วก็เกิดจากการคั่งค้างของของเสียในร่างกายของเรานั่นเอง อย่างในระบบปัสสาวะ เมื่อเราขับถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด ก็จะมีน้ำปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ จนเกิดการตกตะกอนแล้วค่อยๆ โตขึ้นเป็นก้อนนิ่ว ตามอวัยวะต่างๆ เช่น นิ่วในไต นิ่วในท่อไต นิ่วในท่อปัสสาวะ และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ โดยผู้ชายมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ชายมีขนาดยาวและคดเคี้ยวกว่า ตะกอนนิ่วจึงมีโอกาสตกค้างได้มากกว่า
ทางเลือกการรักษานิ่ว ฉบับคนไม่อยากผ่าตัด
แน่นอนว่าเมื่อเกิดก้อนนิ่วในร่างกาย การรักษาอย่างตรงจุดที่นิยมใช้กันมาอย่างต่อเนื่อง ก็คือการผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออก แต่ทุกการผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยง และคนไข้หลายคนก็ขวัญผวาเมื่อรู้ว่าต้องผ่าตัด จึงนำไปสู่การคิดค้นเทคโนโลยีที่เป็นทางเลือกในการรักษานิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะแบบต้องผ่าตัด
การสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก (Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy หรือ ESWL) เป็นการใช้คลื่นเสียงส่งผ่านผิวหนัง ให้ตรงไปยังก้อนนิ่ว ส่งผลให้เกิดแรงกระแทกที่ก้อนนิ่ว จนนิ่วเกิดรอยร้าว และแตกสลายเป็นชิ้นเล็กๆหรือกลายเป็นผง เพื่อให้เศษนิ่วสามารถหลุดไหลออกมากับปัสสาวะได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อ และมีความปลอดภัยสูง
นิ่วแบบไหนที่เหมาะกับการรักษาแบบ ESWL1.นิ่วในไตที่มีขนาดไม่เกิน 2-2.5 ซม. (ยกเว้นตำแหน่ง ขั้วล่างของไต ขนาดไม่ควรเกิน 1.5 ซม)
2.นิ่วในท่อไตทุกตำแหน่งที่มีขนาดไม่เกิน 1 ซม.
ในนิ่วบางประเภทที่แตกยากเช่น cystine stone หรือ calcium oxalate monohydrate stone ที่แม้มีขนาดเล็กก็อาจจำเป็นต้องสลายซ้ำหรือมีโอกาสที่จะสลายไม่สำเร็จ ต้องใช้การรักษาวิธีอื่นร่วมด้วย
ขั้นตอนการสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก
1.ผู้ป่วยจะได้รับการเอ็กซเรย์ด้วยเครื่องเอ็กซเรย์แบบ Real-time พร้อมจอแสดงภาพเพื่อระบุตำแหน่งของนิ่วที่ชัดเจน
2.แพทย์จะทำการสลายนิ่วโดยเครื่อง Lithotripter หรือเครื่องสร้างและส่งคลื่นพลังงานเข้าไปบริเวณผิวหนังที่ตรงกับตำแหน่งของนิ่ว
3.การรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องใช้เตียงผู้ป่วยที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มีพื้นที่เว้าบริเวณช่วงเอวสำหรับให้เครื่อง Lithotripter ส่งคลื่นขึ้นมาจากทางด้านล่างของเตียง
4.ใช้เวลาในการสลายนิ่วไม่นาน (ประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง)
ข้อจำกัดของการสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทก1.นิ่วมีขนาดใหญ่เกินไป
2.ผู้ป่วยมีภาวะอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ
3.ผู้ป่วยที่มีความดันเลือดที่ไม่คงที่หรือควบคุมไม่ได้
4.ผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกผิดปกติ มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด
5.ผู้ป่วยมีปัญหาการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ ในตำแหน่งที่ต่ำกว่านิ่ว
6.ผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักเกิน
7.ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์
8.ผู้ป่วยมีเส้นเลือดโป่งพองในช่องท้อง
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น1.ปัสสาวะเป็นสีแดง มีเลือดปน พบได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการสลายนิ่ว แต่จะค่อยๆ จางหายไปได้เองหลังการปัสสาวะ 2-3 ครั้ง
2.มีไข้ หรือ มีการอักเสบติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะแบคทีเรียที่ฝังตัวอยู่ที่ก้อนนิ่ว มีการกระจายตัวออก มักพบในรายที่มีการติดเชื้ออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
3.มีอาการปวดท้องหรือปวดหลังมาก เนื่องจากมีเศษนิ่วตกมาอุดตันในท่อไต แต่โดยทั่วไปเศษนิ่วเหล่านี้จะหลุดมาได้เอง
4.อวัยวะข้างเคียง เช่น ผิวหนังที่สัมผัสกับเครื่องสลายนิ่ว ลำไส้ หลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ อาจบอบช้ำเล็กน้อย
เนื่องจากการสลายนิ่วด้วยคลื่นกระแทกไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุของการเกิดโรค จึงอาจทำให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นนิ่วซ้ำได้อีก การรักษาที่สาเหตุจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ผู้ป่วยจึงควรเข้ามาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจและวินิจฉัยโรค และควรรับการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะบริเวณระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ร่วมกับการตรวจปัสสาวะ การเอ็กซเรย์ภาพช่องท้องในส่วนของไตและกระเพาะปัสสาวะ เพื่อให้รู้ทันโรค และสามารถรักษาได้ทันท่วงทีเครดิตแหล่งข้อมูล : phyathai.com