เลี้ยงน้องแมวน้องหมา เป็นปัญหาทำให้ภูมิแพ้กำเริบจริงหรือ?


เลี้ยงน้องแมวน้องหมา เป็นปัญหาทำให้ภูมิแพ้กำเริบจริงหรือ?

เป็นความเชื่อกันโดยมากอยู่แล้วว่า "ขนของน้องหมาน้องแมว" นั้น สามารถทำให้คนเป็นโรคภูมิแพ้ได้ หรือทำให้อาการหอบหืด อาการภูมิแพ้กำเริบได้ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยมากมายว่า แล้วแบบนี้คนที่รักน้องหมาน้องแมว หรือเลี้ยงน้องหมาน้องแมว ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ? วันนี้เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราจะพาไปไขคำตอบว่าความเชื่อเหล่านั้น แท้จริงแล้วถูกหรือผิดกันแน่?

หอบหืด-ภูมิแพ้กำเริบ ไม่ได้เกิดเพราะน้องหมาน้องแมวเสมอไป

สิ่งแรกที่เราควรทำความเข้าใจคือ คนเป็นภูมิแพ้ เป็นหอบหืด ไม่ได้เป็นเพราะน้องหมาน้องแมวทุกคน เพราะปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ หรือ อาการไอจาม อาการหอบหืดเรื้อรังนั้น มีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อรา ไรฝุ่น หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ก็สามารถเป็นไปได้ โดยไม่จำเพาะเจาะจงเลยว่าจะต้องเป็นเพราะขนของน้องหมาน้องแมวเท่านั้น จึงทำให้เราไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่า "การเลี้ยงน้องหมาน้องแมวจะทำให้เป็นภูมิแพ้ หรือทำให้อาการภูมิแพ้ หอบหืดกำเริบ" แต่ทั้งนี้ก็เป็นความจริงที่ว่า "ขนของน้องหมาน้องแมว" คือหนึ่งในตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ แต่จะกระตุ้นเราหรือไม่นั้น จำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อน ซึ่งถ้าหากใช่ ก็ค่อยมาเข้าสู่กระบวนการหาทางออกต่อไปว่า จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างไร ให้สามารถอยู่ร่วมกันกับน้องหมาน้องแมวที่รักให้ได้อย่างมีความสุขทั้งกายและใจ

ไขปริศนา ทำไมคนเราถึงแพ้ขนน้องหมาน้องแมว?

เหตุผลที่คนเราแพ้น้องหมาน้องแมวนั้น เพราะเขาเป็นสัตว์ที่มีขน แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยส่วนใหญ่เราไม่ได้แพ้ขนน้องหมาน้องแมวอย่างที่เข้าใจกัน แต่สิ่งที่เราแพ้คือ "น้ำลาย" และ "สารคัดหลั่ง" ของน้องหมาน้องแมวต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น ปัสสาวะ อุจจาระ รวมไปถึงเหงื่อ ซึ่งสารเหล่านี้จะติดอยู่ตามขนของน้องหมาน้องแมว และหากเราเป็นคนที่แพ้สารคัดหลั่งเหล่านี้ แล้วไปสัมผัสถูกขนน้องหมาน้องแมวเข้า ก็จะเกิดอาการแพ้นั่นเอง

อาการแพ้ของคนเรานั้น เกิดขึ้นได้เพราะ เมื่อไรก็ตามที่เราสูดหรือรับ "สารแปลกปลอม" เข้าไป ร่างกายคนเราจะรู้ทันทีว่า "เป็นสิ่งแปลกปลอม" ซึ่งโปรตีนหรือสารคัดหลั่งของน้องหมาน้องแมวนั้น เป็นสารคนละชนิด คนละสายพันธุ์กันกับมนุษย์ ดังนั้นเมื่อได้รับเข้าไปร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ภูมิต้านทานของเราจะรับรู้ว่า "สิ่งเหล่านี้คือสิ่งแปลกปลอม" และทำให้เมื่อเจอครั้งต่อไป ร่างกายจะกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ เพื่อบอกเราว่า ร่างกายไม่ต้องการสิ่งนี้ เป็นที่มาของอาการภูมิแพ้นั่นเอง ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะแพ้น้องหมาน้องแมว แต่คนเราจะแพ้บางสิ่งบางอย่างแตกต่างกันไป ตามแต่ปฏิกิริยาร่างกายของแต่ละคน

ทราบหรือไม่ว่า ขนของน้องหมาน้องแมว จะมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ซึ่งขนใหญ่นั้นสังเกตเห็นได้ง่าย ทำความสะอาดกวาดเบื้องต้นก็สามารถกำจัดได้ แต่สำหรับขนเล็กนั้น มีขนาดเล็กกว่า PM 2.5 เสียอีก จึงทำให้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และในบางกรณีมีอายุอยู่ได้ยาวนานถึง 6 เดือน คือ หากเรานำเอาน้องหมาน้องแมวออกจากบ้าน แล้วไม่ทำความสะอาดอย่างเต็มที่ ขนของน้องหมาน้องแมวอาจจะล่องลอยอยู่ในบ้านนั้นได้นานถึง 6 เดือนเลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับใครที่แพ้น้องหมาน้องแมวอย่างหนักแล้วล่ะก็ การทำความสะอาดบ้านและจัดสรรพื้นที่ระหว่างน้องๆ กับเรา จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องใส่ใจและระมัดระวัง

จะทราบได้อย่างไร ว่าเราเป็น 1 ในคนที่แพ้น้องหมาน้องแมว?

วิธีการสังเกตหรือตรวจสอบตัวเองว่าแพ้ขนของน้องหมาหรือน้องแมวหรือไม่นั้น สามารถทำได้หลักๆ 2 วิธี คือ อันดับแรก ให้สังเกตจากพฤติกรรมที่เราใช้ร่วมกันกับน้องหมาน้องแมว หากเราอยู่กับน้องหมาน้องแมวตลอดปี กินเลี้ยงเล่นกันทุกวัน แล้วมีอาการ อันนี้ตอบยาก ว่าเราป่วยหรืออาการกำเริบจากน้องหมาน้องแมวหรือไม่ เพราะอาการอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ก็ได้ แต่ถ้าเราไม่ได้อยู่กับน้องหมาน้องแมวตลอดเวลา เช่น ทำงานอยู่ต่างประเทศ ต่างจังหวัด กลับบ้านปีละครั้ง หลายๆ เดือนครั้ง แต่พอกลับมาได้อยู่กับน้องหมาน้องแมว แล้วมีอาการ คือ ตลอดทั้งปีไม่เป็น กลับมาเล่นกับน้องหมาน้องแมวที่บ้านแล้วเป็น กรณีนี้มีโอกาสสูงว่า อาการเหล่านั้นอาจเกิดจากน้องหมาน้องแมวได้ แต่ก็ไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่นอนอยู่ดี หากต้องการทราบให้แน่ชัดเลยว่าใช่หรือไม่ สามารถทำได้ด้วยวิธีการที่ 2 คือ เข้ารับการตรวจเลือด ทำ Blood Allergy Test หรือทำ Skin Test ซึ่งจะทำให้เราทราบได้เลยว่า เราแพ้สารคัดหลั่ง หรือสิ่งแปลกปลอมชนิดใดกันแน่ เป็นขนน้องหมาน้องแมวใช่หรือไม่ หรือว่าจริงๆ แล้วแพ้ไรฝุ่น แมลงสาบ หรือเกสรดอกไม้ ฯลฯ เป็นต้น

เป็นหอบหืดเป็นภูมิแพ้ แต่อยากเลี้ยงน้องหมาน้องแมว ทำได้หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว จำเป็นต้องพิจารณาจากอาการแสดงว่ามีอาการแพ้ที่รุนแรงมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากไม่ได้มีอาการที่รุนแรงมากนัก ก็สามารถที่จะปรับตัวและหาวิธีอยู่ร่วมกันได้ ควบคู่กันกับการใช้ยาภูมิแพ้ แต่หากเป็นคนที่มีอาการแพ้รุนแรงก็ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงอันตรายสูง ถ้ายังยืนยันจะอยู่ร่วมกันกับน้องหมาน้องแมว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสังเกตอาการ และค่อยๆ ทดลองหาวิธีการอยู่ร่วมกันก่อน แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ปลอดภัยมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในงานวิจัยของต่างประเทศ เคยมีการค้นพบว่า ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี หากนำเอาน้องหมาน้องแมวมาเลี้ยงร่วมด้วย เด็กจะมีภูมิต้านทานที่ทำให้ไม่เป็นภูมิแพ้ได้ แต่สำหรับในผู้ใหญ่นั้น ไม่พบว่าคนที่มีอาการภูมิแพ้จะสามารถปรับตัวเองให้ไม่แพ้สารนั้นๆได้

ดูแลน้องหมาน้องแมวอย่างไร

ไม่ว่าในบ้านของเราจะมีสมาชิกที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ก็ตาม ในการเลี้ยงน้องหมาน้องแมวก็ควรที่จะดูแลให้ถูกสุขลักษณะเพื่อป้องกันความเสี่ยงของโรคภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีแนวทางในการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้1.หมั่นอาบน้ำน้องหมาน้องแมวเป็นประจำเพื่อรักษาความสะอาด และป้องกันการสะสมของสารคัดหลั่งต่างๆ โดยควรอาบอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

2.หมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการสะสมขนของน้องหมาน้องแมว

3.หลีกเลี่ยงการใช้พรม ผ้าม่าน หรือนำตุ๊กตามีขนมาตกแต่งในห้อง เพราะอาจเป็นพาหะให้ขนของน้องหมาน้องแมวเกาะติดสะสมได้

4.ถ้าเป็นไปได้ควรมีการจัดสรรแบ่งพื้นที่ ระหว่างน้องหมาน้องแมวกับคนอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถอยู่รวมกันได้อย่างปลอดภัย โดยอาจกันพื้นที่เอาไว้สำหรับส่วนของสมาชิกที่เป็นโรคภูมิแพ้ แบ่งเป็นโซนพื้นที่เสี่ยงต่อการถูกกระตุ้นจนเป็นอันตราย และพื้นที่ที่สามารถอยู่ในบ้านได้อย่างมีความสุข

เพราะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะแพ้ขนของน้องหมาน้องแมว และอาการความรุนแรงของการแพ้นั้นก็แตกต่างกันไป ดังนั้นอย่าเพิ่งเหมารวมว่าน้องหมาน้องแมวเป็นสาเหตุของโรคภัย หรือเป็นอันตราย แต่ควรที่จะตรวจสอบหาสาเหตุ และลองปรับตัวอยู่ร่วมกับน้องหมาน้องแมวดูก่อน เพราะถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่รักสัตว์แล้ว การได้อยู่ร่วมกันกับพวกเขา การที่ได้เห็นน้องหมาน้องแมววิ่งเล่นอยู่ในบ้านเรา ก็ถือเป็นความสุขที่สามารถทำให้เป็นจริงได้

"น้องหมาน้องแมวไม่ใช่ตัวการ
ทำให้เกิดภูมิแพ้เสมอไป
อย่าเพิ่งกลัวหรือเสียใจ
จนกว่าจะได้ลองทำ Allergy Test"

เครดิตแหล่งข้อมูล : นพ.วินัย โบเวจา
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ
โรงพยาบาลพญาไท 3


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์