ภายในปี 2560 นี้ จะมีการนำร่องให้บริการวัคซีน HPV โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กหญิง ที่กำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ประมาณ 400,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นวัยที่เหมาะสมในการได้รับวัคซีนมากที่สุด สำหรับการรับวัคซีนและสอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก จากเดิมที่จะต้องฉีดถึง 3 เข็ม เปลี่ยนเป็น ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน
มะเร็งปากมดลูก นับเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ของหญิงไทย นับเป็นอันดับที่ 4 รองลงมาจาก มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งปอด ซึ่งมีหญิงไทยเสียชีวิตมากถึงวันละ 14 คน หรือปีละประมาณ 5,000 คน และมีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นปีละกว่า 10,000 คน
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกมะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่พบบ่อยมากที่สุดในผู้หญิงในช่วง 35 ? 60 ปี สาเหตุสำคัญคือการติดเชื้อไวรัสจากการมีเพศสัมพันธ์ ถ้าติดเชื้อ HPV แล้วจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณปากมดลูก ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน หรือบางคนอาจใช้เวลานานถึง 15 ปี จึงจะแสดงอาการ สามารถเกิดได้จากการมีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์ในช่วงอายุน้อยกว่า 17 ปี เพราะเป็นช่วงวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกมาก และมีความไวต่อสารก่อมะเร็งสูง และถ้ามีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส และหนองใน ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน 5 ปี จะมีความเสี่ยง 1.3 เท่า นาน 10 ปี มีความเสี่ยง 2.5 เท่า และคุณแม่ที่คลอดลูกมากกว่า 4 ครั้ง อาจมีความเสี่ยงถึง 2-3 เท่า
การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก จะช่วยลดการเสียชีวิตอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในปัจจุบัน นอกจากนี้ วัคซีน HPV ยังเป็นวัคซีนที่ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เตรียมขยายสิทธิประโยชน์ด้านวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มเติม ในปี 2560 เพื่อรองรับการให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีน HPV ในสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณแม่มีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422