
เปิดสาเหตุ โรค มะเร็งผิวหนัง รู้เร็ว รักษาหายได้

จากกรณีข่าวของ My Mate Nate ยูทูบเบอร์ชื่อดังที่ออกมาเปิดเผยว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งผิวหนัง ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงภัยเงียบของโรคนี้มากขึ้น แม้ว่าในประเทศไทยอาจพบผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังไม่บ่อยนัก แต่การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถป้องกันและรับมือกับโรคนี้ได้อย่างทันท่วงที
มะเร็งผิวหนังเกิดขึ้นได้อย่างไร?
พันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนังจะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
แผลเรื้อรัง: แผลที่ไม่หายสนิทบริเวณผิวหนังเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์และกลายเป็นมะเร็งได้
ไฝที่เปลี่ยนแปลง: ไฝที่มีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสีและรูปร่างเปลี่ยนแปลงไป อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา
โดยทั่วไปแล้ว มะเร็งผิวหนังมักจะเติบโตช้า และมีโอกาสแพร่กระจายไปยังกระแสเลือดและต่อมน้ำเหลืองน้อย มักพบบริเวณศีรษะ (80-90%) และใบหน้า (65%) เช่น บริเวณตา หู และจมูก การตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้นจะให้ผลลัพธ์ที่ดี
ชนิดของมะเร็งผิวหนังที่ควรรู้จัก
มะเร็งผิวหนังชนิดเบเซลเซลล์ (Basal Cell Carcinoma): เป็นชนิดที่พบมากที่สุด เกิดจากความผิด
ปกติของเซลล์ในชั้นเบเซล มักพบในบริเวณที่สัมผัสแสงแดดเป็นประจำ พยากรณ์โรคดีและลุกลามช้า
มะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ (Squamous Cell Carcinoma): เป็นชนิดที่พบมากเป็นอันดับสอง เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังทั่วไป หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงได้
มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma): เป็นชนิดที่พบได้น้อยแต่มีความรุนแรงมากที่สุด เกิดจาก
ความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสี (เมลาโนไซต์) ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การได้รับรังสียูวีมากเกินไป ประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้ และการเปลี่ยนแปลงของไฝ
สังเกตอาการ...สัญญาณเตือนมะเร็งผิวหนัง
ผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวเผือก ซึ่งมีเม็ดสีในผิวน้อย ทำให้ผิวหนังไวต่อรังสียูวี
ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง
ผู้ที่เคยสัมผัสสารหนู
ผิวหนังบริเวณที่เคยได้รับการฉายรังสี
ผู้ที่มีไฝหรือขี้แมลงวันจำนวนมากผิดปกติ
ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
ผู้ที่มีแผลเรื้อรังบริเวณผิวหนังที่ไม่หายภายใน 3 เดือน
ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
มะเร็งผิวหนัง...รักษาได้หรือไม่?
ข่าวดีคือ มะเร็งผิวหนังมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่ามะเร็งชนิดอื่นๆ หากตรวจพบและเริ่มทำการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โอกาสหายขาดมีสูงเกือบ 100% วิธีการรักษามาตรฐานคือ การผ่าตัด เพื่อนำเซลล์มะเร็งและเนื้อเยื่อโดยรอบออกไป ซึ่งมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำน้อยที่สุด หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจำเป็นต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการรักษาอื่นๆ เช่น
การพ่นเย็น (Cryotherapy): ใช้ความเย็นจัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
การใช้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Topical Immunomodulators): ทายาเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำลายเซลล์มะเร็ง
การใช้เลเซอร์จี้ (Laser Ablation): ใช้แสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
ป้องกันมะเร็งผิวหนัง...ทำได้อย่างไร?
สังเกตความผิดปกติของผิวหนัง: โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีผิวขาว ตาฟ้า ผมแดง ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีประวัติฉายแสง หรือมีคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี: โดยเฉพาะสารหนู และระมัดระวังการดื่มน้ำที่อาจปนเปื้อนสารหนู
อย่าตระหนก...รู้เร็ว รักษาหายได้มะเร็งผิวหนังอาจฟังดูน่ากลัว แต่เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆ แล้ว ถือว่าเป็นมะเร็งที่สามารถสังเกตความผิดปกติได้ง่าย เนื่องจากเกิดขึ้นภายนอกร่างกาย หากใส่ใจสังเกตอาการและเข้ารับการตรวจวินิจฉัย รวมถึงทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ โอกาสในการหายขาดจึงมีสูง ดังนั้น การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งผิวหนังจึงเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญสำหรับทุกคน
มะเร็งผิวหนังเกิดขึ้นได้อย่างไร?
มะเร็งผิวหนังเกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังมีการแบ่งตัวและเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ ได้แก่
การสัมผัสกับแสงแดด: รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในแสงแดดเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้เซลล์ผิวหนังถูกทำลายและกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานาน หรือเคยมีประวัติผิวไหม้แดดพันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนังจะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
แผลเรื้อรัง: แผลที่ไม่หายสนิทบริเวณผิวหนังเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์และกลายเป็นมะเร็งได้
ไฝที่เปลี่ยนแปลง: ไฝที่มีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสีและรูปร่างเปลี่ยนแปลงไป อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา
โดยทั่วไปแล้ว มะเร็งผิวหนังมักจะเติบโตช้า และมีโอกาสแพร่กระจายไปยังกระแสเลือดและต่อมน้ำเหลืองน้อย มักพบบริเวณศีรษะ (80-90%) และใบหน้า (65%) เช่น บริเวณตา หู และจมูก การตรวจพบและรักษาในระยะเริ่มต้นจะให้ผลลัพธ์ที่ดี
ชนิดของมะเร็งผิวหนังที่ควรรู้จัก
มะเร็งผิวหนังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
มะเร็งผิวหนังที่เกิดจากเซลล์ผิวหนัง: แบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อย ได้แก่มะเร็งผิวหนังชนิดเบเซลเซลล์ (Basal Cell Carcinoma): เป็นชนิดที่พบมากที่สุด เกิดจากความผิด
ปกติของเซลล์ในชั้นเบเซล มักพบในบริเวณที่สัมผัสแสงแดดเป็นประจำ พยากรณ์โรคดีและลุกลามช้า
มะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ (Squamous Cell Carcinoma): เป็นชนิดที่พบมากเป็นอันดับสอง เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ผิวหนังทั่วไป หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียงได้
มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma): เป็นชนิดที่พบได้น้อยแต่มีความรุนแรงมากที่สุด เกิดจาก
ความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสี (เมลาโนไซต์) ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การได้รับรังสียูวีมากเกินไป ประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้ และการเปลี่ยนแปลงของไฝ
สังเกตอาการ...สัญญาณเตือนมะเร็งผิวหนัง
การสังเกตความผิดปกติของผิวหนังอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ อาการที่อาจบ่งชี้ถึงมะเร็งผิวหนัง ได้แก่
มีตุ่มหรือก้อนเนื้อนูนขึ้นบนผิวหนัง
ผิวหนังแตกออกเป็นแผล มีสะเก็ด หรือมีเลือดออก บางรายอาจมีอาการเจ็บร่วมด้วย
ไฝมีการเปลี่ยนแปลง เช่น โตเร็วขึ้น สีและรูปร่างเปลี่ยนไป หรือมีขนาดใหญ่กว่า 6 มิลลิเมตร
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง?
ผู้ที่มีผิวขาวหรือผิวเผือก ซึ่งมีเม็ดสีในผิวน้อย ทำให้ผิวหนังไวต่อรังสียูวี
ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง
ผู้ที่เคยสัมผัสสารหนู
ผิวหนังบริเวณที่เคยได้รับการฉายรังสี
ผู้ที่มีไฝหรือขี้แมลงวันจำนวนมากผิดปกติ
ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
ผู้ที่มีแผลเรื้อรังบริเวณผิวหนังที่ไม่หายภายใน 3 เดือน
ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
มะเร็งผิวหนัง...รักษาได้หรือไม่?
ข่าวดีคือ มะเร็งผิวหนังมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่ามะเร็งชนิดอื่นๆ หากตรวจพบและเริ่มทำการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โอกาสหายขาดมีสูงเกือบ 100% วิธีการรักษามาตรฐานคือ การผ่าตัด เพื่อนำเซลล์มะเร็งและเนื้อเยื่อโดยรอบออกไป ซึ่งมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำน้อยที่สุด หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจำเป็นต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการรักษาอื่นๆ เช่น
การพ่นเย็น (Cryotherapy): ใช้ความเย็นจัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
การใช้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Topical Immunomodulators): ทายาเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำลายเซลล์มะเร็ง
การใช้เลเซอร์จี้ (Laser Ablation): ใช้แสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
ป้องกันมะเร็งผิวหนัง...ทำได้อย่างไร?
การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนัง สามารถทำได้โดย
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด: ควรสวมหมวก กางร่ม และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งสังเกตความผิดปกติของผิวหนัง: โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีผิวขาว ตาฟ้า ผมแดง ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีประวัติฉายแสง หรือมีคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี: โดยเฉพาะสารหนู และระมัดระวังการดื่มน้ำที่อาจปนเปื้อนสารหนู
อย่าตระหนก...รู้เร็ว รักษาหายได้มะเร็งผิวหนังอาจฟังดูน่ากลัว แต่เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆ แล้ว ถือว่าเป็นมะเร็งที่สามารถสังเกตความผิดปกติได้ง่าย เนื่องจากเกิดขึ้นภายนอกร่างกาย หากใส่ใจสังเกตอาการและเข้ารับการตรวจวินิจฉัย รวมถึงทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ โอกาสในการหายขาดจึงมีสูง ดังนั้น การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งผิวหนังจึงเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญสำหรับทุกคน
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว