7 สิ่งที่ทำให้การมีประจำเดือนแย่ลง

ผู้หญิงกับประจำเดือนเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกตั้งแต่วันที่เราย่างเข้าสู่วัยสาวอย่างเป็นทางการ นอกจากบ่งบอกความเป็นสตรีเพศ ประจำเดือนยังมีความสำคัญในเรื่องของฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ สำหรับใครที่ประจำเดือนมาเป็นปกติถือว่าโชคดีมาก แต่หากมีปัญหาหรือความผิดปกติต่างๆ อาทิ ประจำเดือนมาไม่ตรงเวลา ปวดท้องอย่างรุนแรงขณะมีประจำเดือน ประจำเดือนมาน้อยหรือมากเกินไป อาการปวดหลัง เป็นต้น ภาวะเหล่านี้ไม่เพียงสร้างผลเสียกับร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อภาวะอารมณ์ที่อาจแปรปรวนและความเครียด
เป็นที่ทราบกันดีว่าเราต้องรับมือกับสิ่งเหล่านี้ทุกๆเดือน แต่ทราบมั้ยว่าตัวสาวๆเองนี่แหละที่อาจเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้อาการต่างๆในช่วงมีประจำเดือนแย่ลง ฟังแล้วก็ดูน่าตกใจอยู่นิดหน่อย แต่ความเป็นจริงไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงและปรับเปลี่ยนการปฏิบัติตัวได้ เรามาดูกันซิว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้การมีประจำเดือนแย่ลง

1. ความเครียดจากการทำงาน

ผลการวิจัยมากมายระบุว่าความกังวลและความเครียดจากการทำงานคือตัวการสำคัญของการมีประจำเดือนที่ผิดปกติ โดยเฉพาะอาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ ที่น่ากลัวคือในบางคนที่ได้รับความกดดันอย่างหนักจากที่ทำงาน อาจมีปัญหาทางจิตจนนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ ฉะนั้นไม่ว่ากรณีใดๆเราไม่ควรเคร่งเครียดกับการทำงานมากจนเกินไป ควรหากิจกรรมให้ตัวเองได้ผ่อนคลายบ้าง เมื่อจิตใจปลอดโปร่ง ไม่ว่าสุขภาพร่างกายหรือจิตใจเราก็สามารถก้าวผ่านไปได้

2. ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

จากผลสำรวจหนึ่งทำให้ทราบว่า 78% ของกลุ่มตัวอย่างที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะมีประจำเดือนมามากกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม โดยเฉพาะน้ำอัดลมยังเป็นตัวการทำให้เกิดตะคริวและความเมื่อยล้าในช่วงการมีประจำเดือน ของแถมอีกอย่างคือทำให้สาวๆนอนไม่หลับ นอกจากจะโทรมจากการมีประจำเดือน ยังแถมความโทรมจากการนอนไม่พออีก แบบนี้ไม่ดีแน่ เลี่ยงได้ต้องเลี่ยงเลย

 

3. สูบบุหรี่

เรียกว่าเป็นสิ่งต้องห้ามขั้นสุดในช่วงมีประจำเดือนก็ว่าได้สำหรับการสูบบุหรี่ เพราะส่งผลกระทบกับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน เทสโทสเตอโรน และโปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนทั้งสามชนิดนี้มีบทบาทโดยตรงในการกำหนดระดับภาวะพีเอ็มเอส...จะให้ดีก็เลิกสูบไปเลยดีกว่า เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการสูบบุหรี่มีแต่ข้อเสีย เลิกได้เมื่อไหร่สุขภาพก็กลับมาดีเร็วขึ้นเท่านั้น

 

4. ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

สำหรับสาวนักดื่มแนะนำให้งดแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน เพราะจะส่งผลให้ภาวะพีเอ็มเอสแย่ลงกว่าเดิม การดื่มจะส่งผลให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ ระดับแม็กนีเซียมต่ำกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลเสียหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่พร้อมจะสวิงได้ตลอดเวลา เกิดความหดหู่ และปวดศีรษะ

5. อดนอนหรือนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

หนึ่งปัญหาที่สาวๆหลายคนต้องเผชิญคืออาการปวดที่มากถึงขั้นทำให้นอนไม่หลับ ซึ่งวงจรการนอนไม่สมบูรณ์มีผลโดยตรงกับฮอร์โมนเพศ ทำให้ประจำเดือนมานานกว่าปกติ ทางแก้คือการหาฮอร์โมนเมลาโทนินมารับประทาน ฮอร์โมนชนิดนี้จะช่วยให้เกิดการง่วงและหลับได้ง่ายขึ้น นอกจากการปวดที่รบกวนการนอนแล้ว ความรู้สึกไม่สบายตรงจุดซ่อนเร้น เช่น อาการคัน อับชื้น ระคายเคือง รวมไปถึงความกังวลที่เกิดจากการกลัวว่าประจำเดือนจะซึมเปื้อน ก็เป็นอีกสาเหตุของการนอนไม่หลับ สำหรับใครที่ประสบปัญหานี้ เพียงเลือกผ้าอนามัยที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว และที่สำคัญต้องมีประสิทธิภาพในการซึมซับดีเยี่ยมมาใช้

6. รับประทานยาแก้ปวด

สำหรับบางคนการรับประทานยาแก้ปวดยิ่งกระตุ้นให้ประจำเดือนออกมามากกว่าปกติ โดยเฉพาะแอสไพรินเป็นยาที่แตกตัวไม่ดีเท่าที่ควรกับเลือดในช่วงมีประจำเดือน แต่หากเกิดอาการปวดมากจนกระทบการใช้ชีวิตควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้รับยาที่เหมาะกับร่างกายมากกว่าและปลอดภัยกว่าแอสไพริน

7. รับประทานของมัน ของเค็ม

อาหารที่มันจัดหรือมีรสเค็มจัดมักก่อให้เกิดอาการจุกเสียดหรือท้องอืด ยังมีผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงด้วย สิ่งที่สาวๆไม่ควรรับประทานในช่วงมีประจำเดือนเป็นอย่างยิ่งคือ เนื้อติดมัน นมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมไม่พร่องมันเนย ไส้กรอก เบคอน และแฮมเบอร์เกอร์ หรืออะไรก็ตามที่เรารู้ดีว่ามันเต็มไปด้วยไขมันและความเค็ม ในทางตรงกันข้ามให้พยายามรับประทานเนื้อปลา ผักผลไม้ และโฮลเกรน เพราะอาหารเหล่านี้จะไม่กระทบต่อระดับฮอร์โมนของเรา การหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดยังช่วยให้ระบบภูมิต้านทานแข็งแรง แถมช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามตัวในช่วงมีประจำเดือนอีกด้วย

อย่าลืมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันดู เชื่อว่าลองทำตามแค่บางข้อก็น่าจะช่วยให้ช่วงนั้นของเดือนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้แล้ว แต่จะให้ดีที่สุดคือทำให้ครบทุกข้อไปเลยคิดว่าไม่น่ายากเกินความสามารถผู้หญิงรักสุขภาพอย่างพวกเราแน่นอน

Cr: issue247