[โรคซึมเศร้า] ความรู้สึกสุดท้ายก่อนฆ่าตัวตาย
หน้าแรกTeeNee รวมเรื่องสุขภาพดีๆ ข่าวสุขภาพและสุขภาพทั่วไป [โรคซึมเศร้า] ความรู้สึกสุดท้ายก่อนฆ่าตัวตาย
วันนี้มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามาฝาก
จขกท. ตั้งกระทู้นี้ขึ้นเพื่ออยากให้คนที่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าเข้าใจความรู้สึกว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทางตาย
ขอออกตัวก่อนว่าจขกท.เป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่โชคดีรู้ตัวก่อนจะตัดสินใจลงมือ และเอาตัวเองไปหาหมอ ถูกวินิจฉัยว่าป่วยด้วโรค Major Depressive Disorder โดยมีการรับรองจากแพทย์และต้องกินยาต่อเนื่อง
หลายครั้งที่เห็นคนเข้ามาคอมเมนต์กรณีมีการฆ่าตัวตายว่าโง่ เนรคุณ ก็เลยอยากให้คนที่นึกไม่ออกว่าอาการของโรคซึมเศร้าเป็นยังไงได้รู้ความรู้สึกและความคิดก่อนที่คนป่วยจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะเราเองก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่ไม่เข้าใจเหมือนกัน คิดว่าคนนั้นโง่ เห็นแก่ตัวมาตลอด จนมาเจอกับตัวเอง
ข้อแรกที่ต้องเข้าใจคือ คนซึมเศร้าไม่ได้เศร้า ฟูมฟาย ร้องไห้ตลอดเวลา แต่จะไม่สามารถหลุดจากความคิดแง่ลบ สิ้นหวัง ไม่เห็นอนาคต จนสุดท้ายก็คือไม่รู้สึกอะไรเลย นี่คือเรื่องที่ "ทรมาน" ที่สุดของคนเป็นโรคนี้ ถ้านรกมีจริงก็คงเป็นความรู้สึกนี้แหละ ไม่มีความรู้สึกสนุก ไม่มีความ รู้สึกดีใจ ไม่มีความรู้สึกเสียใจ ไม่รู้สึกเศร้า ไม่ผูกพันกับอะไรทั้งนั้น ตอนที่จขกทเป็นหนักๆ บอกเลยว่า ขอรู้สึกเศร้าดีกว่าที่จะไม่รู้สึกอะไรเลยแบบนี้ เหมือนไม่มีวิญญาณ ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลือให้ผูกพันมีชีวิตอยู่
เวลาอยากตายคือไม่เลือกวิธีการว่าจะทรมานมากหรือน้อย ต้องการแค่ความรวดเร็ว และแน่นอน จะได้ไปให้พ้นจากความรู้สึกนี้เสียทีมันเป็นโรคที่เดียวดายมาก ต้องสู้ด้วยตัวเองจริงๆ เพราะงั้นคนเป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้อ่อนแอนะคะ เราว่าพวกเราเข้มแข็งมากจนพยายามที่จะมีชิวิตรอดในอาการแบบนั้น
โรคซึมเศร้าของเราแบ่งอาการง่ายๆเป็น 3 ช่วง
ช่วง1 : อาการหนัก
จะรู้สึกมีแรงกระตุ้น มีเสียงเรียก เหมือนโดนตัวเองกล่อมว่าให้ฆ่าตัวตายไปเถอะ โลกไม่น่าอยู่ ไม่มีอะไรดีๆรออยู่ข้างหน้า ตอนนี้ไร้ค่า สร้างแต่ปัญหาให้คนอื่น อนาคตมีแต่จะแย่ลง ยังไงช้าเร็วเดี๋ยวก็ต้องตายเหมือนกัน ช่วงไหนที่เสียงดังหน่อย พ่ายแพ้กับเสียงนั้นก็จะหมกมุ่นแต่กับความคิดหาวิธีฆ่าตัวตายตลอดเวลา เดินกลับบ้านเห็นเสาโลตัสก็อยากปีนเสาแล้วกระโดดไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด อะไรทำนองนั้น เครียดกับทุกอย่าง ทุกเรื่อง หายใจก็เหนื่อย ลุกก็เหนื่อย เดินก็เหนื่อย รู้สึกได้ถึงความหนักที่กดทับลงมาบนตัว ไม่ใช่การเหนื่อยทางกายภาพ แต่เหนื่อยและหนักทางใจ โลกทุกอย่างเป็นสีเทา สีดำ หม่นหมองมาก เซนซิทีฟ ร้องไห้ง่ายมาก ถ้าถูกปัญหารุมเร้าช่วงนี้จะสติแตก โลกถล่มตรงหน้า ทุกคนที่ติดต่อเข้ามาคือเจ้ากรรมนายเวร
ช่วงนี้ไม่สามารถรวบรวมสติ สมาธิอะไรได้เลย เขียนบันทึกไม่ได้ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ปกติอ่านนิยายหรือหนังสือคืนละเล่ม แต่นี่ย่อหน้าเดียวอ่านซ้ำสิบทีก็ไม่เข้าใจ การ์ตูนที่มีแต่ภาพก็เหมือนเปิดผ่านไป ไม่รู้เรื่อง หนักสุดคือนอนข้ามวันไปเลย ช็อคมาก นอนสองทุ่ม ตื่นมา 5 โมงเย็นของอีกวัน
เวลาทำงานนี่มีปัญหามาก คือรับงานมาแล้วไม่ทำ โกหกส่งๆไปว่าทำแล้ว ผลัดวันประกันพรุ่งทั้งที่รู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะสร้างปัญหาใหญ่ตามมา แต่ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ทำได้ อยากร้องไห้ กลัว กังวลที่จะต้องติดต่อแบบไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ในหัวมีความคิดว่า ช่าง เดี๋ยวก็ตายแล้ว ไม่อยากทำ ไม่อยากรับรู้ ไม่สนใจ สร้างความเสียหายอย่างเวลร้าย และสร้างปัญหาให้คนที่รักและเคารพ และปัญหาที่ก่อไว้ตอนนี้ จะกลายเป็นชนวนของอาการหนัก cycle ใหม่ โจมตีตัวเองด้วยความรู้สึกผิดตลอดเวลา รุนแรงมาก อยากตายเพื่อไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป
หมายเหตุ: เรามีอาการแบบนี้ประมาณ 80% ของเดือน ยกเว้นวันเสาร์ที่รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนบ้าง เพราะไม่มีคนตามงาน
ช่วง 2: เริ่มมีสติ
พออยู่ในช่วงโคม่ามาซักพัก ก็จะทนความหดหู่ไม่ไหว รู้สึกต้องเอาชนะมันแล้วเข้าสู่ช่วงมีสติ ระยะนี้ก็จะหาทางเอาชนะความอยากตายสิ้นหวังได้ด้วยวิธีต่างๆ นาๆ แต่ก็จะสำเร็จแค่ช่วงสั้นๆ (ทำหมดยกเว้นหาหมอ)
- ขณะตอนที่เขียนนี้กำลังมีสติ แต่ถูกความเครียด ไม่สบายใจและความรู้สึกผิดโจมตีอยู่
-รู้ตัวว่าจริงๆแล้วไม่ได้อยากตาย แค่อยากหนีปัญหา หนีความรู้สึกผิดที่ตัวเองก่อไว้ช่วงที่อาการหนักทำงานได้บ้าง แต่ต้องรวบรวมพลังกายและพลังใจอย่างสูง พอทำงานได้ เห็นความคืบหน้าของงานที่พยายามทำแล้วก็จะรู้สึกดีที่ตัวเองมีประโยชน์ เข้าสู่ช่วงอาการดีต่อไป
อาการช่วงนี้จะมีสติ รู้ตัวว่าไม่ได้อยากตาย อยากแก้ปัญหาที่ก่อไว้ให้ดีขึ้น อ่านหนังสือได้ เข้าใจได้ แต่ไม่รู้สึกสนุก ไม่มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งใดๆ บนโลก ไม่ได้หดหู่รุนแรง แต่ไม่ได้สดใสหรือมีความสุข รู้สึกหวั่นไหวง่าย มีความกลัวอยู่บ้าง ถ้ามีอะไรกระทบกระทั่งก็พร้อมโคม่าได้เสมอ ต้องประคับประคองตัวเองดีๆ
ช่วงที่ 3 : อาการดี
ถ้าทำงานได้ Productive มาก ปัญหาที่ก่อไว้คลี่คลายได้ หรือสามารถแก้ปัญหาได้
หรือเรื่องงานที่ไม่ยอมทำแล้วโกหกไว้ในข้อ 1 สามารถรอดไปได้แบบไม่ถูกจับได้จะอาการดีขึ้น มีความร่าเริง พูดเก่ง ช่วงนี้จะแอคทีฟมาก อยากทำนั่น อยากทำนี่ มีใจอยากเรียน อยากเขียนบลอค สามารถเขียนบันทึกไดอารี่หรือเขียนอะไรได้ยาวๆ ทำงานเร็ว กล้าชน กล้าเจอทุกปัญหา เจอเพื่อน ร่าเริง ตลก อ่านหนังสือสนุก ความจำดี รับผิดชอบงานสูง ทำงานทันทีที่ได้รับคำสั่ง
ช่วงเวลานี้เกิดน้อยมาก และสั้นมาก เพราะจะถูกปัญหาใหม่ๆโถมใส่ตลอด ประมาณ 5% ของเดือน มาว่ากันถึงสภาพที่เป็นช่วงที่อาการหนัก
- อยากฆ่าตัวตาย - อันนี้จริงมาก เป็นหนักที่สุดคือตอนเช้า ตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนโลกถล่ม อาการจะค่อยๆดีขึ้นตอนกลางวันและบ่าย สงบที่สุดช่วงตอนดึก และเป็นใหม่อีกครั้งในตอนเช้างันถัดไป รู้สึกเครียด หนัก เหนื่อย ไม่อยากลุก
- ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากรับผิดชอบอะไร - เป็นอะไรที่ที่ก่อปัญหาให้ตัวเองและคนรอบข้างที่สุด ทำให้โรคซึมเศร้าไม่หายสักที และก่อให้เกิดข้อต่อไป
- รู้สึกผิดรุนแรง - ปัญหาต่อเนื่องจากข้อ 2 เหมือนโดนตัวเองเตะตัดขาตลอดเวลา ไม่มีอะไรสาหัสเท่ากับการต่อสู้กับตัวเองอีกแล้ว
ตัวอย่างไดอารี่ที่จขกท. บันทึกไว้ตอนที่ป่วยหนัก
บันทึกเล่มนั้นยังเก็บอยู่ เอามาอ่านแล้วกลัวตัวเองตอนนั้น
======
5/9/59
ตื่นมาด้วยความรู้สึกแย่สุดๆ
ไม่อยากเขียน ไม่อยากอะไร อยากร้องไห้ อึดอัด ปวดหัว เครียด
เบื่อโลกมาก
หนีเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ
มีงานต้องทำแต่ไม่สามารถบังคับให้ตัวเองทำได้
ในหัวมีแต่เสียงตะโกนว่าช่วยด้วยตลอดเวลา
======
ถ้าไม่ได้รับการรักษา ถ้าคิดไม่ได้ หรือถ้าอยู่คนเดียว มันจะไปง่ายมากๆ ตรงนี้สำคัญนะคะ
ถ้ามีเพื่อนหรือคนในครอบครัวเป็น อย่าปล่อยให้อยู่คนเดียวค่ะ ไม่ต้องตัวติดกันหรือมาถามตลอดเวลา
แต่ให้เค้ารับรู้ว่ามีคนอยู่ในบ้านด้วย จะช่วยหยุดได้ค่ะ
ตั้งใจจะเขียนสั้นๆ แต่กลายเป็นพิมพ์ซะยาว
แต่ละคนก็อาการป่วยแตกต่างกันไปนะคะ แต่เชื่อว่าสุดท้ายก่อนตายจะรู้สึกเหมือนกัน
ถ้าใครอยากทราบว่าควรปฏิบัติตัวกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอย่างไร ถามได้นะคะ
ไม่ได้เรื่องมากหรือห้ามนั่นห้ามนี่ค่ะ
สำหรับเพื่อนๆใช้ 'ความเข้าใจ' และในกรณีที่เป็นคนในครอบครัว เราใช้ 'ความอดทน' ค่ะ
-----
ถ้ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์อย่างไรต่อสังคมบ้าง
ขออุทิศให้ผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยโรคซึมเศร้าทุกคนค่ะ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!