แม้ผลไม้จะได้ชื่อว่า เป็นอาหารที่ต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี แต่การกินผลไม้ครั้งละมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี
ผลไม้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ในการต้านโรคและความเสื่อมของร่างกายผ่านกลไกต่างๆ แต่เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยเห็นกรณีของคนที่ "อ้วน" เพราะผลไม้ อยากออกตัวก่อนเลยว่าอย่าโทษผลไม้เลยครับ ประเด็นที่ควรให้ความสนใจคือ ปริมาณการกินต่อครั้งของผลไม้มากกว่า
ทำไมถึงควรควบคุมปริมาณผลไม้ที่ควรกินต่อครั้ง ?
อย่างไรก็ดีผลไม้ก็มีส่วนของคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ซึ่งหากได้รับมากเกินไปย่อมมีผลต่อการเพิ่มน้ำหนักตัว ซึ่งนักกำหนดอาหารและนักโภชนาการก็มีคำแนะนำในการบริโภคผลไม้ให้เหมาะสมง่ายๆ ดังนี้
ผลไม้ขนาดเท่ากำปั้น เช่น แอปเปิ้ล กีวี แก้วมังกร ฝรั่ง ให้รับประทานผลไม้ครั้งละเท่าขนาดกำปั้นของตัวเอง เช่น แอปเปิ้ล 1 ลูก กีวี 1 ลูก แก้วมังกรหรือฝรั่ง ถ้าใหญ่หน่อยก็ ครึ่งลูกพอ
ผลไม้แบบต้องหั่นกิน เช่น มะม่วง มะละกอ แตงโม ให้รับประทานครั้งละ 7 ชิ้นคำ ย้ำ !!! 7 ชิ้นคำ เพราะผลไม้พวกนี้ปกติคนไทยจะหั่น "หมดลูก" (ไม่ก็หมดถุงๆละ 4 ลูก) พร้อมเทลงกล่องพลาสติกถนอมอาหาร และกินครั้งละ 1 กล่อง หรือจนกว่ารายการทีวีที่ดูอยู่จะจบ (ซึ่งมากเกินไปครับ)
ผลไม้หวานจัด เช่น ทุเรียน ลำไย เงาะ มังคุด ให้รับประทานครั้งละ 1 มือหยิบ เช่น หยิบเงาะ 1 กำมือจะได้ 3-4 ลูก เช่นเดียวกับมังคุด ส่วนทุเรียนจริงๆ แล้วควรรับประทานครั้งละ 1 เม็ด ซึ่งหลายคนน่าจะประท้วง จึงขออะลุ่มอล่วยเป็น 1 พูก็พอครับ
ผลไม้เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง หากล้างให้สะอาดเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดจากยาฆ่าแมลงและสารเคมีแล้ว ก็อย่าลืมว่าปริมาณที่บริโภคต่อครั้งก็มีผลต่อสุขภาพเช่นกัน ท่องไว้เลยว่า "กินครั้งละ 1 กำปั้นมือตัวเอง และซ้ำวันละ 2-3 ครั้งเท่านั้น"