ดังกรณีเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น...
“แชร์สุขภาพมรณะ”
เริ่มเรื่องจาก...“หมอพิชัยครับ ตำรวจติดต่อมาว่ามีเคสให้ไปชันสูตรศพบ้านครูยุทธครับ"
หมอพิชัยพอจะทราบอยู่ว่า ครูยุทธและครูสุคนธ์เป็นครูเก่าแก่ที่สอนนักเรียนมานานแล้ว ตำรวจในที่นี้หลายนาย ก็เคยเรียนกับครูทั้งสองมาก่อน...
ร้อยเวรเดินนำเข้าไป หมอพิชัยสังเกตเห็นว่า ครูสุคนธ์ภรรยาของครูยุทธ ถูกกันให้อยู่ด้านนอกผิดกับการชันสูตรปกติ“ทำไมต้องให้ญาติรอข้างนอกด้วยครับ” แพทย์หนุ่มถามขึ้น ก่อนที่จะชะงักไป เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ร่างชายชรานอนอยู่ที่เตียงอย่างสงบนิ่ง มีเศษอาเจียนเลอะที่พื้นเล็กน้อย โดยสิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือ เลือดเปื้อนอยู่ที่นิ้วมือของครูยุทธ ทั้งสิบนิ้ว โดยมีเข็มเย็บผ้าวางอยู่ใกล้ๆ
“ตอนที่ผมมาถึง ผมเจอครูสุคนธ์กับป้าข้างบ้านอยู่ด้วยกัน” ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น “เค้าโทร.ไปแจ้งว่าครูยุทธเสียแล้ว...พอผมมา ครูสุคนธ์ก็บอกว่า เป็นคนเจาะเลือดจากนิ้วครูยุทธเอง”
หมอพิชัยคิดอะไรออกเลาๆแล้ว เพียงแต่ไม่อยากให้เป็นแบบที่เขาคิดเลย “ผมถามจากป้าข้างบ้านแล้ว เมื่อเช้าครูยุทธออกไปรดน้ำต้นไม้ จากนั้นก็ล้มลง ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว ขยับแขนขวาไม่ได้ และบ่นปวดหัว...” ร้อยเวรบอก
“พอป้ากับครูสุคนธ์พยุงเข้ามา ทีแรกก็จะโทร.เรียกรถโรงพยาบาล แต่ว่าครูสุคนธ์ห้ามไว้ แล้วก็ไปเอาเข็มมาเจาะที่นิ้วทั้งสิบของครูยุทธ
หมอพิชัยเดินไปที่ร่างของครูชรา...ชันสูตรตามหลักปกติ นอกจากแผลที่นิ้วมือทั้งสิบแล้ว ก็ไม่พบร่องรอยอื่น
หมอพิชัยจำได้ว่า ครูยุทธ รักษาโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง กับหมอพิชัย ตั้งแต่สมัยที่เขามาเป็นหมอที่ รพ.แห่งนี้ใหม่ๆ รักษากันอยู่หลายปี ควบคุมทุกอย่างได้ดี จนกระทั่งหลายปีก่อน...จู่ๆค่าไขมันทั้งไตรกลีเซอร์ไรด์ และไขมัน LDL ชนิดไม่ดี เพิ่มขึ้นแบบผิดสังเกต
ในประวัติบันทึกไว้ว่า ครูยุทธบอกกับหมอพิชัย เขาอ่านจากในไลน์ มีผู้แนะนำให้กินน้ำมันหมู กับหุงข้าวด้วยน้ำมันมะพร้าว จะดีต่อสุขภาพ หมอพิชัยจำได้ว่า เขาคุยกันหลายอย่าง และพยายามชี้ให้เห็นว่า ก็เห็นชัดๆว่า ระดับไขมันในเลือดของครูยุทธขึ้น แต่ก็จบลงด้วย
ครูยุทธเชื่อไลน์!!...มากกว่าเชื่อหมอ!!!
อีกไม่ถึงปี ค่าความดันโลหิตของแกจึงสูงขึ้น จากเดิมที่คุมได้ที่ตัวบน 140 ก็กลายไปเป็น 190 โดยหมอพิชัยเขียนไว้ว่า คุยกันแล้ว ครูไปอ่านเจอที่ส่งต่อกันมาว่า ยาความดันทำลายไตและตับ ไม่ควรกิน ไปจนถึงว่า ค่าความดันสูงเป็นการหลอกลวงของฝรั่งที่จะขายยา สมัยก่อนเราตัดเลขความดันสูงไม่ใช่ที่ 140...หลังจากถกกันอยู่พักนึง ครูยุทธก็เลิกกินยาความดัน
ผ่านไปอีกปี ครูยุทธ มาโรงพยาบาลด้วยภาวะน้ำตาลสูงรุนแรง และไตวาย คราวนี้หมอพิชัยไม่ต้องเปิดประวัติก็จำได้...เพราะตอนนั้นครูยุทธบอกว่า แกอ่านเจอว่าการกินน้ำผึ้งวันละ 2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร กับมะนาวโซดา ช่วยเรื่องเบาหวานได้ แกจึงหยุดยาเบาหวานทั้งหมดที่หมอให้!!
ครั้งนั้นหมอพิชัยกับครูยุทธ โต้เถียงกันนานมาก เพราะครูยุทธ เชื่อว่า ที่แกมีอาการดีขึ้นเพราะช่วงนั้นแกน้ำหนักลดไปตั้ง 10 กิโลฯ และเชื่อว่าที่ไตวาย เกิดจากการที่หมอให้ยาเบาหวาน...
ขณะที่หมอพิชัยแย้งว่า ที่แกน้ำหนักลดเกิดจากภาวะน้ำตาลสูงรุนแรง จนร่างกายเสียน้ำไปทางปัสสาวะ แลที่ไตวายก็เพราะครูยุทธไปหยุดยา จนน้ำตาลสูง
ครั้งนั้น หมอพิชัยถกกับแกหลายวัน เอาโทรศัพท์ของครูมาเปิด แล้วเอาหนังสือเปิดตามไล่ไปทีละเรื่องเลยว่า เรื่องที่แกได้รับส่งต่อมา ล้วนแต่เป็นเรื่องแหกตาทั้งสิ้น ไม่ว่า กินกุ้งกับวิตามินซีแล้วตาย กินทุเรียนลดน้ำหนัก, เส้นเลือดแตกในสมองให้เอาเข็มจิ้มนิ้วก่อน อย่าเพิ่งส่งโรงพยาบาล หรือแม้แต่ การถูกไฟช็อต แล้วห้ามปั๊มหัวใจ แต่ให้นำตัวขึ้นไปวางไว้บนสังกะสี แล้วราดน้ำ เพื่อคายประจุ...
แต่ครูยุทธไม่เชื่อหมอ ... และหลังจากนั้นแกไม่กลับมาโรงพยาบาลอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้น ครูยังเอาเรื่องราวสุขภาพที่ได้รับการแชร์ต่อๆกันจากเฟซบุ๊ก ไปบอกต่อในกลุ่มผู้สูงอายุ จนมีชมรมแชร์ข่าวสุขภาพดีขึ้นมา
“หมอบอกผลการชันสูตรที่จังหวัดออกมาแล้ว ครูยุทธเป็นเส้นเลือดในสมองแตกจริงๆ” ร้อยเวรบอก “ส่วนเรื่องคดี ไม่น่ามีอะไร ที่ครูสุคนธ์ไม่พามาโรงพยาบาล เพราะแกเชื่อแบบนั้นจริงๆว่า การจิ้มนิ้วมันช่วยได้...”
“เป็นเรื่องแปลก แต่จริงครับ ทุกวันนี้สื่อสังคมออนไลน์ มีอิทธิพลต่อความเชื่อมาก บางคนหมอบอกยังไง ก็ไม่ยอมฟัง แต่พอมีคนส่งไลน์ หรือแชร์เฟซเรื่องโน้นเรื่องนี้มาให้ปุ๊บ รีบทำตามทันที ไม่ว่าเรื่องดื่มน้ำมะนาวผสมโซดา แล้วช่วยรักษามะเร็งได้ ใครถูกไฟฟ้าช็อต ให้นำร่างขึ้นไปวางไว้บนแผ่นสังกะสี แล้วเอาน้ำราด เพื่อคายประจุ หรือให้เจาะที่ปลายนิ้ว จะช่วยรักษาอัมพาตได้ เป็นต้น”
“เรื่องเหล่านี้ บางทีก็ถูกส่งมาจากผู้ที่ต้องการสร้างเรื่อง เพื่อเรียกให้คนมากดไลค์ชื่นชอบ หรือกดแชร์ต่อกันไปเยอะๆ แต่เป็นความรู้ผิดๆแทบทั้งนั้น ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก จึงขอเตือนว่า ก่อนจะกดไลค์ กดแชร์ หรือเชื่อต่อๆตามกัน ควรพินิจพิจารณาและปรึกษาผู้ที่รู้จริงให้ถ่องแท้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังครับ”
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ หรือ “คุณหมอจ๊วด” รองเลขาธิการแพทยสภา ฝากเตือนสติ
ขอบคุณที่มา: thaitribune