ทำความรู้จัก PTSD คือโรคอะไร ที่ทำให้ มีล่า ต้องใช้ชีวิตไม่เหมือนเดิม
มีล่า Kamikaze ได้โพสต์ความรู้สึกผ่านไอจีสตอรี่ว่า 2 ปีที่ผ่านมาต้องทนเก็บความขมขื่นและบอบช้ำ พร้อมเล่าย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อนได้ถูกน้องชายทำร้ายร่างกาย ด้วยการเอามีดมาฟันที่ศีรษะ ทิ่มทะลุเข้ามาจนทำให้ตาข้างซ้ายเกือบบอด และหูซ้ายไม่ได้ยิน แผลลึกไปถึงชั้นไขมันและกระดูก หลังจากนั้นมีล่า ได้ตัดสินใจย้ายออกมาจากบ้านไปอยู่กับแฟนที่คอนโด
มีล่า Kamikaze ให้เหตุผลที่ออกมาพูดวันนี้ เพราะว่าทนไม่ไหวแล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้คุณหมอจิตแพทย์ได้ diagnose มีล่าว่าเป็น PTSD (Post Traumatie Stiress Disorder) จนทำการใช้ชีวิตให้ปกติของมีล่า ไม่เหมือนเดิมเลยในสองปีที่ผ่านมา
ระยะที่หนึ่ง (1 เดือนหลังเจอเหตุการณ์) เราจะเรียกว่าระยะทำใจ หรืออาการเครียดเฉียบพลัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการเครียดแล้วเกิดอาการทางประสาทขึ้นมาได้
ระยะที่สอง (มากกว่า 1 เดือน) มีลักษณะอาการสำคัญ 4 อย่าง คือ
1. เห็นภาพเหตุการณ์ผุดขึ้นมาซ้ำๆ หรือฝันเห็นบ่อยครั้ง
2. อาการ Flash Back คือ เกิดความตื่นตัว เห็นเหตุการณ์นั้นๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับเรา ควบคุมไม่ได้ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ตกใจง่าย ใจสั่น ความดันโลหิตสูง ไม่มีสมาธิ เครียดได้กับสิ่งต่างๆ รอบตัว
3. พยายามหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะส่งผลทำให้กระทบกระเทือนต่อจิตใจ เช่น ภาพข่าวเหตุการณ์ การพูดถึงจากบุคคลอื่น
4. มีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ในเชิงลบ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองหม่นหมอง ทั้งตัวเองและสิ่งรอบข้าง คิดว่าตัวเองคงไม่มีความสุขได้อีกต่อไปแล้ว ไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบหรือเคยทำมาก่อนอีกแล้ว ทำให้อาจคิดฆ่าตัวตาย หรือพึ่งสารเสพติดต่างๆ เพื่อต้องการให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาจจะทำให้เกิดผลร้ายแรงยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
คนที่มีประสบการณ์ถูกทำร้ายตอนเด็กๆ
คนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนหรือครอบครัวมาคอยช่วยเหลือ
คนที่ชอบพึ่งพาคนอื่นมาโดยตลอด ไม่พยายามช่วยเหลือตนเอง
คนที่มีอาการทางจิตเวชเป็นทุนเดิม เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพล่า โรควิตกกังวล
คนที่อายุน้อยไม่มีประสบการณ์ คนอายุมากที่มีปัญหาเรื่องการปรับตัว
ผู้หญิงมีแนวโน้มจะเป็นโรค PTSD ได้มากกว่าผู้ชาย
ยอมรับตัวเอง ไม่ต้องกลัวการรักษาหรือคิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตเวชร้ายแรง ไม่ว่าใครที่เคยเจอเหตุการณ์ร้ายๆ ก็ต้องเครียดด้วยกันทั้งนั้น
ทำจิตบำบัดในเชิงพฤติกรรมบำบัด เช่น ให้เผชิญกับสิ่งที่หวาดกลัว เหตุการณ์ที่เคยหวาดกลัว ให้คนไข้ได้ปรับตัว หาทางที่จะควบคุมอาการที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง
ฝึกผ่อนคลายความเครียด เช่น การทำสมาธิ ฝึกลมหายใจ วิธีการเบี่ยนเบนความคิดเมื่อเราคิดหมกมุน
ทำกลุ่มบำบัด โดยนำบุคคลที่เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันมาพบกัน แล้วร่วมแชร์ความรู้สึกประสบการณ์ เหมือนมีเพื่อนคอยรับฟังความคิดเห็นของเรา เพื่อให้เผชิญกับเหตุการณ์นั้นๆ ได้ดีขึ้น
รับประทานยาตามแพทย์สั่ง