สัญญาณจากผิวกาย บอกโรคอันตรายในตัว
หากพบผิวเหลืองขึ้นเรื่อยๆ อาจบ่งว่ามีตับอักเสบ หรือมีการอุดตันของทางเดินน้ำดีซ่อนอยู่ ภาวะนี้เรียกกันแต่เดิมว่า ดีซ่าน ถ้าตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองด้วย รวมทั้งอุจจาระมีสีซีดลง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์อย่ารอช้า หากตัวเหลือง ฝ่ามือฝ่าเท้าเหลือง แต่ตายังไม่เหลือง ยังไม่ต้องตกใจ เนื่องจากการรับประทานผลไม้สีเหลือง เช่น มะละกอ ฟักทอง จำนวนมากๆ สารแคโรทีนในผัก ผลไม้ เหล่านี้จะทำให้ผิวเหลืองขึ้นได้ หากหยุดกินสีเหลืองก็จะค่อยๆ จางลงและหายไปเองได้
ถ้าเป็นดวงสีขาว และสีขาวจัดจนเหมือนกระดาษขาว เห็นขอบเขตได้ชัด ที่ใบหน้า แขนขารอบดวงตา ริมฝีปากหรือในลำตัว อาจจะเป็นอาการแสดงของโรคด่างขาว ซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดสีถูกทำลาย ซึ่งผู้ป่วยด้วยโรคด่างขาวนี้ส่วนหนึ่งมีโรคของต่อมไทรอยด์ซ่อนอยู่ จึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด นอกจากจะป้องกันโรคที่แอบซ่อนอยู่ได้แล้ว ยังอาจจะรักษาให้ผิวกลับมาสวยเหมือนเดิมได้ด้วย
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะแห้งลงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณหน้าแข้ง ผู้สูงอายุหลายท่านมีปัญหาผิวพรรณที่แห้งมากถึงขั้นอักเสบเป็นผื่น หากผิวแห้งหนักมาก แม้ทาโลชั่นครีมบำรุงก็ยังไม่ดีขึ้น แต่กลับแห้งแตกระแหงเป็นเกล็ดปลา อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเกิดการขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น กรดไขมันจำเป็น หรืออาจจะเป็นโรค เช่น มะเร็งในต่อมน้ำเหลือง หรือเกิดการติดเชื้อบางอย่างขึ้น ต้องสำรวจคลำก้อนที่บริเวณต่างๆ เช่น คอ รักแร้ หรือขาหนีบ โดยก้อนที่เป็นมะเร็งนั้นมักไม่เจ็บต่างจากการติดเชื้อทั่วไป หากยังไม่ดีขึ้นหรือคลำได้ก้อนแนะนำให้พบแพทย์ทันที
ผมร่วงมาก เฉลี่ยเกิน 100 เส้นต่อวัน หรือแค่ลูบหรือ ดึงเบาๆ ก็หลุดติดมือออกมา อาจแสดงถึงความผิดปกติ เช่น เกิดจากยาบางอย่าง ภาวะเครียดของร่างกายอย่างรุนแรง โรคภูมิแพ้ตนเอง หรือโรคของต่อมไทรอยด์ ลองสังเกตอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมไปด้วย เช่น มีผื่น แพ้แสง แผลในปาก ด้วยหรือไม่ อาจจะเป็นอาการของโรคแพ้ภูมิตนเองที่เรียกว่า เอสแอลอี (SLE) มีเหงื่อแตก ใจสั่น น้ำหนักลด หงุดหงิดง่าย ซึ่งอาจเป็นอาการของฮอร์โมนต่อมไทรอยด์มากเกินไป