รู้เเล้วอย่ารอช้า!! ออกกำลังกาย ห่างไกลมะเร็ง

จากผลของการออกกำลังกายที่ช่วยทำให้เกิดสมดุลของพลังงาน ช่วยควบคุมระดับอินซูลินและฮอร์โมน และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย งานวิจัยในต่างประเทศร้อยกว่าฉบับมีหลักฐานชัดเจนว่า การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านมอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอดและมะเร็งเยื่อบุมดลูก ที่สำคัญยังพบว่าคนที่ออกกำลังกายในระดับปานกลางและระดับหนักนาน 30-60 นาทีต่อวัน มีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนที่ออกกำลังน้อยหรือไม่ได้ออกกำลังกายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่ออกกำลังกายอย่างหนักมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านมน้อยที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนให้ทุกคนไปหักโหมออกกำลังกันแบบไม่ได้ดูสภาพตัวเอง เดี๋ยวจะหัวใจวายกันไปหมดซะก่อน การออกกำลังกายที่ถูกต้องนั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับอายุ ความแข็งแรงและสุขภาพของคนคนนั้นเป็นสำคัญ

ความหมายของการออกกำลังกายในระดับปานกลางหมายถึงการออกกำลังกายที่มีการใช้พลังงานมากกว่าการนั่งนิ่งๆ เฉยๆ 3-6 เท่า ส่วนระดับหนักหมายถึง มีการใช้พลังงานมากกว่าการนั่งเฉยๆ 6 เท่าขึ้นไป ตัวอย่างการออกกำลังกายระดับปานกลางของผู้ชายอายุ 30-50 ปีและผู้หญิงอายุ 20-40 ปี ก็เช่น การเดินช้าๆ การเดินลงบันได เล่นกอล์ฟ ตีปิงปอง ในขณะที่การออกกำลังกายระดับหนัก ได้แก่ การวิ่งจ๊อกกิ้ง กระโดดเชือก เล่นฟุตบอล เป็นต้น

ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ ให้การนั่งเฉยๆ เท่ากับการใช้พลังงาน 1 หน่วย การเดินปกติ การทำงานบ้านเท่ากับใช้พลังงาน 3 หน่วย ทำสวนใช้พลังงาน 4.5 หน่วย ถีบจักรยานใช้พลังงาน 6 หน่วย ขึ้นบันไดใช้พลังงาน 8 หน่วย รัฐบาลอังกฤษเขาแนะนำให้ประชาชนของเขาออกกำลังกายระดับปานกลางคือใช้พลังงาน 3 - 6 หน่วย เช่น การเดินเร็วๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาทีเพื่อสุขภาพที่ดี อย่างไรก็ดี การออกกำลังกายระดับปานกลางของคนอายุ 40 ปี อาจเท่ากับการออกกำลังกายระดับหนักของคนอายุ 70 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรง สุขภาพของแต่ละคนตามที่กล่าวแล้ว ในขณะที่คนแก่อายุ 70 ปีที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออาจแข็งแรงกว่าคนหนุ่มอายุ 40 ปีที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังเลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เครดิตแหล่งข้อมูล : haihealth