ท้องผูก แถมไตวายทำไงดี?โดยปกติแล้วผู้ป่วยไตวายที่ต้องฟอกเลือดมักมีปัญหาท้องผูกอยู่เป็นประจำแต่ก็จะมีปัญหาที่น่าหนักใจคือ "ไม่รู้จะทานยาตัวไหนดี" โดนคุณหมอห้ามไปซะทุกตัวจนกลัวไปหมด
ลองอ่านบทความนี้ดูครับ ชีวิตของท่านจะมีทางออกขึ้นทันตาเห็น และถ้ามันเป็นประโยขน์ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆอ่านนะครับ เพราะยังมีผู้ป่วยอีกหลายหมื่นคนมีปัญหานี้ และการแชร์ของท่านอาจช่วยคนอีกหลายๆคนอย่างไม่คาดฝัน
ยาระบายแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆต่อไปนี้
1. เพิ่มปริมาณอุจจาระ (bulk-producing agents) ได้แก่ psyllium, metamucil, methyllcellulose
2. ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (Stool softeners) ได้แก่ docusate sodium
3. ประเภทหล่อลื่น (lubricant/emollient) ได้แก่ mineral oil
4. ประเภทเพิ่มปริมาตรน้ำ (osmotic agents) ได้แก่ magnesium, lactulose sorbitol, polyethylene glycol, sodium phosphate
5. ประเภทกระตุ้น (stimulants) ได้แก่ bisacodyl, castor oil, cascara sennosides
ยาระบายประเภทเพิ่มปริมาณอุจจาระ สามารถใช้ได้ผู้ป่วยโรคไตแต่มีข้อควรระวังคือปริมาณน้ำที่จะต้องให้ในผู้ป่วยที่รับประทานผลิตภัณฑ์ประเภทนี้และผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องลำไส้อุดตัน
ยาระบายประเภทหล่อลื่น เช่น พาราฟินเหลว (Liquid parafin) เป็นสารหล่อลื่นที่ไม่ดูดซึม ช่วยหล่อลื่นอุจจาระทำให้ถ่ายได้ง่ายค่อนข้างปลอดภัย สามารถให้ได้แต่อาจรบกวนการดูดซึมวิตามิน A, D, E, K
ยาระบายประเภทเพิ่มปริมาตรน้ำ ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายที่มีส่วนประกอบของ ฟอสฟอรัส (phosphorus) เช่น sodium phosphate เพราะอาจทำให้เกิดภาวะฟอสเฟตสูงได้ ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายที่มีส่วนประกอบของ magnesium เช่น milk of magnesia (MOM) เพราะอาจทำให้เกิดภาวะ แมกนีเซียมสูงได้ สาร lactulose เองไม่ค่อยดูดซึมในทางเดินอาหารแต่สามารถเกิด โซเดียมสูงได้ (hypernatremia)
ยาระบายประเภทกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน เช่น มะขามแขก (sennokot) จะถูกขับออกได้ทางไตดังนั้นผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่องจึงไม่ควรใช้
ดังนั้นการใช้ยาระบายในผู้ป่วยโรคไตให้ปลอดภัยอาจพิจารณาให้พวก เพิ่มปริมาณอุจจาระ จะปลอดภัยมากที่สุด แต่ต้องระมัดระวังเรื่องปริมาตรที่ผู้ป่วยจะได้รับรวมถึงภาวะลำไส้ของผู้ป่วยด้วยหรืออาจจะเลือกกลุ่มยาระบายประเภทหล่อลื่นก็ได้ครับ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
