ไตวายหลายระดับ

"ไตวายเรื่อรัง" เป็นโรคที่เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ซึ่งจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก

ทำไมถึงเพิ่มขึ้นมาก? ก็เพราะปัจจุบันการรักษาดีมากขึ้นอายุของผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังก็ยืนยาวขึ้นหลาย 10 ปี ดังนั้นผู้ป่วยจึงสะสมมากขึ้นเรื่อยๆจนน่าตกใจ

โรคไตเรื้อรัง แบ่งเป็น 5 ระยะ ตามอัตราการทำงานของไต (Estimated Glomerular filtration rate/eGFR)

นิยมอ่านว่า "จี-เอฟ-อาร์" (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่มีคนอ่านว่า "เจิฟ" 0.0)

ย่อมาจาก glomerular filtration rate

glomerular = ตัวกรองของไต

filtration rate = อัตราการกรอง

รวมกัน = อัตราการกรองของไต

ดั้งนั้น GFR ต่ำก็แปลว่า "ไตเสื่อม" ครับ!

หาได้หลายวิธีแต่วิธีที่ง่ายคือเอาค่า Cr มาใส่สูตร

กดสูตรที่นี่ครับ

 "สูตรคำนวน GFR" GFR นี้มีประโยชน์มากๆๆๆ

โดยเฉพาะการแบ่งระดับความเสื่อมไต

ทำให้ใช้เป็นแนวทางการดูแลและรักษาได้อย่างดี!

แบ่งระดับความเสื่อมไตอย่างไร???

แบ่ง 5 ระดับดังนี้

ขั้น 1: GFR มากกว่า 90 = ปกติ

ขั้น 2: GFR 60-90 = เสียนิดหน่อย

ขั้น 3: GFR 30-59 = เสียพอดู...ต้องดูแลใกล้ชิด

ขั้น 4: GFR 15-29 = อีกนิดเดียวเจอกันที่ล้างไต!

ขั้น 5: GFR น้อยกว่า 15 = มาล้างไตกันเถอะพวกเรา 

ในกรณียังไม่ถึงขั้น 5 การดูแลสุขภาพ และการเลือกกินอาหาร ออกกำลังกาย รวมทั้งพบแพทย์สม่ำเสมอจะทำให้ท่านไม่ต้อง "ล้างไต" !!!

โดยโรคไตเรื้อรังระยะแรกๆ ผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการ เรียกได้ว่าเหมือนคนปกติแทบทุกประการเลยทีเดียว ต่อมาเมื่อผู้ป่วยมีการเสื่อมของไตมากขึ้นโดยเฉพาะโรคไตเรื้อรังระยะที่ 4 หรือระยะที่ 5 จะเริ่มมีอาการหลายๆอย่างเป็นลางบอกเหตุ ได้แก่

 อาการไตวายเรื้อรัง

โลหิตจาง/ซีด

ภาวะความดันโลหิตสูง

มีความผิดปกติของสมดุลน้ำและเกลือแร่

มีการคั่งของของเสีย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการบวม

มีภาวะน้ำท่วมปอด

ปัสสาวะออกน้อยลง

มีอาการอ่อนเพลีย

หอบเหนื่อย

คลื่นไส้อาเจียน

ไม่อยากอาหาร

มีอาการซึม หรืออาการชัก

ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีภาวะแทรกซ้อนจะมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งพบว่า เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

จากข้อมูลทางสถิติทำให้คาดการณ์ได้ว่าปัจจุบันมีประชากรไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังตั้งแต่ระยะที่ 3 เป็นต้นไป ประมาณ 5.5 ล้านคน (คนไทยมีประมาน 70 ล้านคน แปลว่า 100 คนจะเป็น ประมาน 8 คนซึ่งนับได้ว่ามากมายมหาศาลทีเดียว)

 


ไตวายหลายระดับ


ส่วนผู้ป่วยที่เป็นไตวายเรื้อรังระดับ 4-5 ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการฟอกไต หรือ เปลี่ยนไตมีแนวโน้มสู้งขึ้นอย่างมหาศาลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโดยจะเห็นว่าที่ปี 2012 ประชากร 1 ล้านคนมีคนต้องฟอกไต ประมาน 900 คน คือ 1000 คนจะต้องฟอกไต 1 คนซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายเกิดจาก

1.โรคเบาหวาน

2.โรคความดันโลหิตสูง

3.โรคไตอักเสบ

4.โรคนิ่วในไต

หลักสำคัญของการรักษาโรคไตเรื้อรังในระยะเบื้องต้นคือ การรักษาที่สาเหตุของโรคและให้การรักษาเพื่อชะลอความเสื่อมของไต

การรักษาจึงประกอบด้วยยาเพื่อควบคุมระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้ตามเป้าหมาย ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการบริโภคเกลือโซเดียมและโปรตีน การใช้ยาให้ถูกต้องและการออกกำลังกาย

เมื่อผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีความเสื่อมของไตเข้าช่วงท้ายของโรคไตระยะที่ 4 หรือระยะที่ 5 ซึ่งเป็นระยะที่เริ่มมีอาการแทรกซ้อนต่างๆดังที่กล่าวไปแล้ว แพทย์และพยาบาลจะให้คำแนะนำ และเตรียมความพร้อมสำหรับการบำบัดทดแทนไตเพื่อรักษาอาการแทรกซ้อนต่างๆ และเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นซึ่งมีอยู่ 3 อย่างใหญ่ๆ คือ

1.ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม(Hemodialysis)

2.ล้างไตทางช่องท้อง(Peritoneal dialysis)

3.เปลี่ยนไต(Kidney transplant)

ในส่วนของผู้ป่วยที่มีความต้องการล้างไต โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมนั้น จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเส้นเลือดฟอกไตจากศัลยแพทย์หลอดเลือดเฉพาะทาง ซึ่งมีความสำคัญมาก

เนื่องจากถ้าไม่มีเส้นเลือดเตรียมไว้ท่านจะต้องได้รับการใส่สายฟอกเลือดที่คอ ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อที่สูงมากและมีปัญหาภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างตามมา (มักจะได้ยินกันในชื่อเจาะคอเพื่อล้างไต)

สำหรับผู้ที่ต้องการผ่าตัดทำเส้นฟอกไต "ควรมาทำในช่วงที่ค่า Cr มากกว่า 4 ขึ้นไป" ซึ่งท่านสามารถดูได้จากใบ LAB ของท่านเองหรือ สามารถถามคุณหมออายุรกรรมโรคไตได้ครับ

 


ไตวายหลายระดับ

Cr : ข้อมูลบางส่วนจากโรงพยาบาลถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี Workpoint


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์