พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคไต...ปล่อยไว้อาจเป็นภัยสุขภาพ
พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคไต...ปล่อยไว้อาจเป็นภัยสุขภาพ
โรคไต เป็นสภาวะที่ไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคเรื้อรัง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การติดเชื้อ หรือการได้รับการบาดเจ็บที่ไต รวมถึงต้นเหตุของโรคเหล่านี้หรือก็คือพฤติกรรมเรานั่นเอง ที่เป็นต้นเหตุของ "โรคไต" ที่หลายคนกำลังเป็น!
หยุดพฤติกรรมเหล่านี้...หากไม่อยากเป็น "โรคไต"
พฤติกรรมที่หลายคนทำเป็นประจำ โดยไม่รู้ว่าพฤติกรรมเหล่านั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคไตได้ โดยเฉพาะเมื่อปฏิบัติติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น
การบริโภคเกลือโซเดียมมากเกินไป : การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของเกลือโซเดียมสูง
สามารถเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคไตได้
การดื่มน้ำน้อยเกินไป : การดื่มน้ำไม่เพียงพอสามารถทำให้ไตทำงานหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต
การใช้ยาเกินขนาดหรือการทานยาแก้ปวดบางชนิดเป็นประจำ : ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาแก้ปวด หากมีการบริโภคมากเกินไปหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อการทำงานของไต รวมถึงผู้ที่ซื้อนำมาทานเองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคไตได้
การบริโภคโปรตีนสูงมากเกินไป : การรับประทานโปรตีนในปริมาณมากสามารถเพิ่มภาระให้กับไตในการกรองของเสียออกจากร่างกาย
การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป : การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและส่งผลต่อการทำงานของไต
การสูบบุหรี่ : การสูบบุหรี่สามารถทำลายเส้นเลือดและลดการไหลเวียนของเลือดไปยังไต ทำให้ไตเสียหายได้
การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง : อาหารที่มีไขมันสูงสามารถนำไปสู่การเป็นโรคอ้วนและเบาหวาน ซึ่งทั้งสองโรคนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไต
การไม่ออกกำลังกาย : การขาดการออกกำลังกายสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของไต
การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ : ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือผู้ที่ต้องใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของไต ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อควบคุมโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับไต
พฤติกรรมเหล่านี้หากปรับเปลี่ยนได้จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไต และหากตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการหรือความกังวลเกี่ยวกับโรคไต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและได้รับการตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด
เครดิตแหล่งข้อมูล : paolohospital