อาการ "ชา" ชามือ ชาแขน ชาขา คงเป็นอาการที่หลายๆ คนไม่ได้สนใจนัก เพราะเมื่อเราปรับเปลี่ยนอิริยาบถอาการชาเหล่านั้นก็มักทุเลาลง แต่จริงๆ แล้วอาการชาเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการกดทับอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ระดับแร่ธาตุและวิตามินในร่างกายผิดปกติ และอาการชายังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคอันตราย ฉะนั้นอย่านิ่งนอนใจถ้าอาการชามาทักทายคุณเป็นประจำ
ชาครึ่งซีก...อาจเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจชาบ่อยๆ เป็นๆ หายๆ เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของโรคที่หลากหลาย ทั้งโรคเกาต์ ไทรอยด์ เบาหวาน ปลายประสาทอักเสบ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท รวมไปถึงภัยเงียบที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตฉับพลันอันดับต้นๆ อย่างโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะสาเหตุหลักๆ ของอาการชามักเกิดจากการที่เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก ดังนั้นหากอาการชาทวีความรุนแรงจนลามไปทั้งซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายอย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที
รู้ได้อย่างไร ว่าหลอดเลือดหัวใจเริ่มเสี่ยง
โดยปกติแล้วโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตัน จะไม่มีอาการบ่งชี้ที่ชัดเจน แต่หากมีอาการก็จะเป็นลักษณะการเจ็บ จุก ที่หน้าอก เหมือนโดนอะไรหนักๆ กดทับบริเวณกลางหน้าอก โดยอาจเจ็บร้าวไปที่หลัง แขน หรือชาบริเวณซีกซ้ายของร่างกายได้ การตรวจสมรรถภาพหลอดเลือดแดง ด้วยเครื่อง Vascular Screening จึงเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้รู้ได้ว่าหลอดเลือดของคุณเสี่ยงต่อภาวะ ตีบ แตก ตัน หรือไม่
Vascular screening เป็นการตรวจหลอดเลือดแดงส่วนปลายของแขนและขา เพื่อหาค่า ABI หรืออัตราส่วนระหว่างค่าความดันโลหิตตัวบนของข้อเท้า ต่อค่าเฉลี่ยของความดันโลหิตตัวบนของแขนข้างเดียวกัน เป็นวิธีการตรวจที่ทำได้ง่าย มีประสิทธิภาพและให้ผลที่แม่นยำ โดยค่าปกติของค่า ABI จะมีค่าเท่ากับ 0.91-1.3 หากมีค่าที่ต่ำกว่า 0.9 แสดงว่ามีภาวะหลอดเลือดตีบบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองตีบตันได้ในอนาคต
ใครบ้างที่ต้องระวัง-ใช้เวลาตรวจประมาณ 10 นาที
-ไม่ต้องฉีดสี
-ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
-ไม่ต้องเตรียมตัวใดๆ เป็นพิเศษก่อนเข้ารับการตรวจ
ใครบ้างที่ควรตรวจ
-ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
-ผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือมีค่า BMI สูงกว่ามาตรฐาน
-ผู้ที่สูบบุหรี่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
-ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง
อยากให้หลอดเลือดสุขภาพดี เลี่ยงอาหารเหล่านี้
1.อาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว อย่างเช่น น้ำมันหมู ไขมันจากสัตว์ แกงกะทิ น้ำมันปาล์ม
2.อาหารที่มีไขมันทรานซ์ เช่น วิปครีม มาการีน เบเกอรี่ ไม่ได้หมายความว่าต้องห้าม แต่แค่ควบคุมปริมาณการทานให้เหมาะสม เพราะไขมันทรานซ์เป็นไขมันที่สามารถสะสมในหลอดเลือดได้ง่าย ความอร่อยปากอาจทำให้ลำบากหลอดเลือดได้ไม่รู้ตัว
3.อาหารที่มีรสหวาน เพราะความหวานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ในอาหารแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะของหวานหรือของคาว ล้วนแต่มีส่วนประกอบของน้ำตาลอยู่ด้วยทั้งสิ้น เป็นความจริงที่ว่าน้ำตาลให้พลังงานกับร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป เจ้าความหวานก็จะแผลงฤทธิ์กลายเป็นไขมันสะสมในทันที
4.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มเหล่านี้ไม่เพียงทำให้สติสัมชัญญะและการรับรู้ลดน้อยลง แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดมีปริมาณแคลอรีเทียบเท่ากับอาหารที่มีไขมันสูงเลยทีเดียว เซย์โน! แอลกอฮอล์กันตั้งแต่วันนี้ ได้สุขภาพดีเป็นของแถมด้วยนะ
เคล็ด (ไม่) ลับ ป้องกันอาการชา
-ปรับเปลี่ยนอริยาบถ ไม่กดทับแขนและขาอยู่ในท่าเดิมนานๆ เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
-เสริมวิตามินบีเข้าร่างกาย ด้วยการทาน ธัญพืช ข้าวโพด ข้าวซ้อมมือ โฮลเกรนต่างๆ เนื้อหมู ไข่แดง ตับ โยเกิร์ต นม มันฝรั่ง ส้ม มะเขือเทศ และถั่วชนิดต่างๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม
-ทานผักและผลไม้ให้หลากหลาย ผักและผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังเต็มไปด้วยกากใยที่ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย
-ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบประสาททำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ทำให้สุขภาพดี และยังเป็นวิธีการผ่อนคลายความเครียดที่ดีวิธีหนึ่งด้วยนะ
-ชาบ่อยๆ แก้ไม่หาย อย่าปล่อยไว้ หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วอาการชายังคงเกิดขึ้นเป็นประจำ หรืออาการชารุนแรงขึ้น อย่าละเลยอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด เพราะการปล่อยไว้ อาจอันตรายกว่าที่คุณคิด
เครดิตแหล่งข้อมูล : phyathai.com