อย่าชะล่าใจ! เหนื่อยง่าย หอบตอนออกกำลังกาย ตรวจ EST ช่วยได้
การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย เป็นอย่างไร?
การตรวจสมรรถภาพของหัวใจ หรือที่เรียกกันว่า EST (Exercise Stress Test) เป็นการตรวจสมรรถภาพของหัวใจ โดยให้ผู้ป่วยออกกำลังกายด้วยวิธีต่างๆ เช่น เดินบนสายพาน หรือปั่นจักรยาน เพื่อทดสอบการตอบสนองที่ผิดปกติของหัวใจ เช่น อาการหายใจลำบาก อาการเจ็บแน่นหน้าอก การเต้นของหัวใจผิดปกติ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยการตอบสนองที่ผิดปกตินี้จะบ่งชี้ได้ว่ามีการขาดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจในระหว่างการออกกำลังกาย
โดยปกติแล้วการตรวจ EST เป็นการวินิจฉัยภาวะหัวใจขาดเลือด โดยการให้ผู้เข้ารับการทดสอบออกกำลังกายโดยเดินบนสายพานที่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ (บางแห่งอาจให้ปั่นจักรยาน) เพราะเมื่อเราออกกำลังกายหัวใจก็จะเต้นเร็วขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นด้วย หากมีหลอดเลือดหัวใจตีบ เลือดจะไม่สามารถเดินทางมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้เพียงพอ ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก และมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เห็น
ตรวจโดยสายพานไฟฟ้าหรือแบบปั่นจักรยาน
โดยปกติแล้วการตรวจ EST จะใช้เครื่องมือในการทดสอบสมรรถภาพหัวใจ 2 แบบ คือ แบบสายพานไฟฟ้า (Treadmill) ซึ่งสามารถปรับตั้งโปรแกรมการทดสอบได้หลากหลายกว่า สามารถปรับตั้งได้ทั้งความเร็วและความชันของสายพานวิ่ง หรือแบบจักรยาน (Bicycle ergometer) แบบนี้จะใช้ได้ดีในผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการเดินหรือการทรงตัว ทำให้สะดวกและง่ายต่อการทดสอบมากกว่าแบบสายพาน
ขั้นตอนการตรวจสมรรถภาพหัวใจ EST เป็นอย่างไร?
สำหรับขั้นตอนการตรวจจะมีการต่อขั้วและสายนำไฟฟ้าบริเวณหน้าอก 10 สาย เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ในขณะที่เดินอยู่ เครื่องจะบันทึกและแสดงลักษณะของคลื่นนำไฟฟ้าภายในหัวใจ พร้อมทั้งความดันโลหิตตลอดเวลา ในขณะทดสอบจะมีการเพิ่มความเร็ว และความชันของเครื่องเป็นระยะๆ ตามโปรแกรม โดยจะเลือกให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ทดสอบในแต่ละราย การทดสอบนี้เป็นการช่วยให้แพทย์ทราบว่าผู้ป่วยเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติหรือไม่ และยังช่วยในการติดตามผู้ป่วยภายหลังได้รับการรักษาได้อีกด้วย
- งดอาหารและเครื่องดื่มก่อนการทดสอบ 2 ชั่วโมง
- ควรงดอาหารมัน
- งดดื่มชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- หากมียาที่ทานอยู่เป็นประจำต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย และรองเท้าที่เหมาะกับการออกกำลังกาย
เพราะ "หัวใจ" เป็นอวัยวะที่สำคัญ หากพบความผิดปกติควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เพราะอาการที่เกิดขึ้นอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายได้!