โรคผิวหนังในที่ลับที่ควรรู้


โรคผิวหนังในที่ลับที่ควรรู้

โรคผิวหนังในที่ลับสามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิดหรือต้องอาย เพราะหากไม่รีบตรวจวินิจฉัยเพื่อทำการรักษาอาจส่งผลให้โรคลุกลามจนเจ็บมากขึ้น รักษายากขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นหากสงสัยว่าเป็นโรคผิวหนังต่างๆ ดังนี้ ทางที่ดีควรเข้ามาพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

1. หูด (wart)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อ human papilloma virus มีลักษณะเป็นเนื้องอก มีสีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวขรุขระ หากลุกลามมีขนาดใหญ่ขึ้นอาจมีลักษณะคล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำได้

2. หนองในแท้ (gonorrhea)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ในผู้ชายจะมีอาการปัสสาวะขัด แสบ มีหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ในผู้หญิงจะมีอาการตกขาวผิดปกติ เป็นหนอง มีกลิ่น ปัสสาวะแสบขัด หากมีปีกมดลูกอักเสบก็อาจปวดท้องน้อย มีไข้ได้ด้วย

3. ซิฟิลิส (Syphilis)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อ Treponema pallidum โรคนี้มี 4 ระยะ สำหรับระยะแรก (Primary Syphilis) ลักษณะแผลจะตื้น ขอบเรียบสะอาด ไม่เจ็บ ขอบนูนแข็ง เรียกว่า แผลริมแข็ง (chancre) แผลมักจะเกิดหลังได้รับเชื้อ 10-90 วัน อาจพบแผลที่อวัยวะเพศและทวารหนัก

4. แผลริมอ่อน (Chancroid)

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Haemophilus ducreyi โดยแผลมีลักษณะขอบไม่แข็ง ไม่เรียบ มีอาการเจ็บ บางรายอาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตได้

5. หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum)

เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม poxviridae ในผู้ใหญ่มักเป็นเฉพาะที่บริเวณอวัยวะเพศ ในเด็กอาจพบผื่นได้ทั่วตัว เช่น ข้อพับแขน-ขา และลำตัว แผลจะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีแดง และอาจมีตุ่มคล้ายมีสารสีขาวอยู่ภายใน บางครั้งจะมองเห็นเป็นจุดบุ๋มอยู่ตรงกลางได้

6. Pearly penile papule

เป็นลักษณะผิวหนังปกติ แต่มีลักษณะเป็นตุ่มสีเนื้อจำนวนมากรอบๆ ปลายอวัยวะเพศชาย ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ด้วยสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หูดหงอนไก่

7. เริม (Herpes Simplex)

เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Herpes simplex virus โดยจะพบเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำ แตกเป็นแผลตื้นๆ มักมีอาการเจ็บ ปวดแสบร้อน สามารถพบได้ทั้งที่อวัยวะเพศและริมฝึปาก โรคนี้สามารถเป็นซ้ำได้ ไม่หายขาด

8. กลากที่ขาหนีบ (Tinea cruris)

เป็นการติดเชื้อราที่ผิวหนัง ผื่นของกลากชนิดนี้มีลักษณะเป็น วงกลม หรือหรือวงแหวนมีขุย อาจพบตุ่มนํ้าใสที่ขอบ ตรงกลางวงอาจแบนราบลงได้

9. โรคติดเชื้อแคนดิดา (Candidiasis)

ลักษณะเป็นผื่นแดง คัน แฉะ ผิวหนังลอก ขอบเขตชัดเจน มักมีตุ่มแดงขนาดเล็กๆ หรือตุ่มหนองกระจายอยู่ที่บริเวณขอบๆ ของผื่น มักพบบริเวณซอกพับต่างๆ เช่น ขาหนีบ รักแร้ ถ้าเกิดบริเวณปลายอวัยวะเพศชายอาจพบลักษณะเป็นตุ่มหนองได้

เครดิตแหล่งข้อมูล : phyathai


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์