แพทย์เตือน! อันตรายสารเสพติด เสพมาก สมองพิการถาวร


แพทย์เตือน! อันตรายสารเสพติด เสพมาก สมองพิการถาวร

วันที่ 19 มิ.ย. นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ให้ความรู้ว่า "สมองติดยา" เป็นอาการที่พบได้ในผู้เสพยาและสารเสพติด เมื่อเสพเข้าสู่ร่างกาย จะมีผลต่อสมอง 2 ส่วน คือ สมองส่วนคิด (Cerebral Cortex) และสมองส่วนอยาก (Limbic System) ยาและสารเสพติดจะเข้าไปกระตุ้นสมองให้หลั่งโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความสุขออกมามากกว่าปกติ ทำให้มีความสุขอย่างมากและรวดเร็ว เกิดความพึงพอใจมากกว่าปกติ เมื่อหมดฤทธิ์จะทำให้ผู้เสพมีอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า จึงพยายามแสวงหายาและสารเสพติดมาใช้ซ้ำเรื่อย ๆ 

ในขณะเดียวกันเมื่อใช้ยาและสารเสพติดบ่อย ๆ จะทำให้สมองส่วนคิดถูกทำลาย การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเสียไป สมองส่วนอยากจะอยู่เหนือสมองส่วนคิด ทำให้ทำอะไรตามใจตามอารมณ์ ผู้เสพยาและสารเสพติดจึงมักแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ก้าวร้าว หงุดหงิด เกิดอาการทางจิตประสาท ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หมกมุ่นกับการใช้ยาและสารเสพติด ทำทุกวิถีทางให้ได้ยาเสพติดมาเสพ ส่งผลกระทบทั้งต่อตนเองและสังคม
 


ขณะที่ นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าผู้เสพยาและสารเสพติด เข้าสู่กระบวนการเลิกยาและสารเสพติดอย่างจริงจังช้าเกินไป เนื่องจากคิดว่าตนเองไม่ติด ไม่จำเป็นต้องรักษา สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือ เซลล์สมองถูกทำลาย ซึ่งจะมีความชัดเจนหลังจากเสพเพียง 1 เดือน และหากมีภาวะเสริมจากปัญหาของสมอง เช่น ระดับสติปัญญาต่ำ หรือมีสภาพจิตใจที่ไม่ปกติ มีแนวโน้มทางกรรมพันธุ์ที่มีโอกาสจะเกิดโรคทางจิตเวช ยิ่งทำให้อาการทางสมองที่ผิดปกติแสดงออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้น ทำให้สูญเสียความทรงจำ คล้ายคนสมองเสื่อม ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เกิดความผิดปกติทางจิตเวชจากภาวะสมองพิการ

อย่างไรก็ตามหากหยุดเสพยาและสารเสพติดตั้งแต่เริ่มเสพไม่นาน และเข้ารับการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง สมองจะมีโอกาสฟื้นฟูเป็นปกติมากขึ้น แต่ในรายที่เสพยาและสารเสพติดมาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 5-10 ปี และเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาช้า สมองจะถูกทำลายกลายเป็นโรคสมองพิการถาวร โอกาสที่สมองจะกลับมาเป็นปกติเป็นเรื่องที่ยาก แม้จะสามารถเลิกเสพยาและสารเสพติดได้ก็อาจสายเกินไป เพราะไม่สามารถใช้สมองเพื่อเรียนหนังสือหรือทำงานได้อย่างเช่นคนปกติทั่วไป


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์