เป็นโรคซึมเศร้าเพราะทำงานหนัก คุ้มไหมถ้าต้องเอาเงินที่ได้มารักษาตัวเอง


เป็นโรคซึมเศร้าเพราะทำงานหนัก คุ้มไหมถ้าต้องเอาเงินที่ได้มารักษาตัวเอง

เป็นโรคซึมเศร้าเพราะทำงานหนัก คุ้มไหมถ้าต้องเอาเงินที่ได้มารักษาตัวเอง?


ปกติแล้ว บทสนทนาของกลุ่มไลน์เพื่อนมหาวิทยาลัยของเราจะมีข้อความเด้งทุกวัน เพราะเราชอบอัพเดตข่าวกันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น gossip ดารา การเมือง เตือนภัยใกล้ตัว ช่วยทำแบบทดสอบหรือแม้แต่มีมสนุกๆ ฮาๆ ที่เราชอบแชร์มาแบ่งรอยยิ้มให้กัน แต่มันน่าแปลกที่วันนั้น เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มส่งลิ้งค์แบบทดสอบโรคซึมเศร้าเข้ามาให้เพื่อนๆ ลองเข้าไปทำ และให้ทุกคนแชร์คะแนนที่ได้ให้ดูกันในกลุ่ม

ส่วนใหญ่คะแนนที่ได้กันคือ เรามีอาการซึมเศร้าระดับปานกลาง บางคนได้ผลว่าเป็นโรคซึมเศร้าควรพบแพทย์ และบางคนก็ได้ระดับปกติไม่ใกล้เคียงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าเลย




เพื่อนคนนั้นเฉลยว่า “ฉันไปหาหมอมาแก ฉันเป็นโรคซึมเศร้า” และการที่มันเอาลิ้งค์มาให้ทุกคนทำ เพราะมันอยากให้ทุกคนรู้ตัวเองได้ไวขึ้นเพื่อจะได้แก้ปัญหา ก่อนจะต้องไปหาหมอแบบมัน “โรคซึมเศร้าไม่ได้น่าอาย ไม่ได้น่าเกลียด อย่าไปกลัวที่จะไปหาหมอถ้าแกเป็น อย่างน้อยดีที่สุด แกรู้ว่าแกเป็นอะไรและแกกำลังได้รักษาตัวเอง”

มันเล่าว่าอาการของมันมาจากสภาพแวดล้อมความเครียด ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน รวมถึงสารในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา มันมักต้องทำงานหนักจนถึงเช้าต่อกันหลายอาทิตย์ ไปทำงานที่ออฟฟิศวันเสาร์-อาทิตย์ และคนที่รู้ว่ามันป่วย ไม่ทำความเข้าใจกับอาการ แต่กลับล้อมัน และมองว่าเป็นเรื่องสนุกที่จะแกล้งหยอกเล่นได้

อาการโรคซึมเศร้า ทำให้มีผลกับการใช้ชีวิตเยอะมากนะ ทั้งความสัมพันธ์ การเรียน การทำงาน หรือแม้แต่การกินหรือนอน ความรู้สึกเพลีย ไม่อยากพบเจอใครหรือสุงสิงกับใคร ไร้ที่พึ่ง หรืออินกับความรู้สึกแย่เป็นเวลานานๆ ทำให้มันตัดสินใจไปหาหมอ และรับยามากินเพื่อรักษาอาการ






“ฉันก็โดนหัวหน้าบ่นบ่อย แต่ไม่ได้สนใจ กลับบ้านไปก็ลืม” เพื่อนในกลุ่มที่ได้คะแนนที่เสี่ยงจะเป็นโรคซึมเศร้าน้อยคนหนึ่งพิมพ์ตอบกลับมา “บางทีก็แทบไม่ได้ตั้งใจฟังว่าเขาพูดอะไร รับรู้ว่าเขาให้แก้ก็แก้ เลิกงานก็วางงาน เคยเครียดแต่ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่รู้จะเครียดไปทำไม”

นอกจากต้องแบ่งเวลาให้ชีวิตส่วนตัว กับชีวิตงานแล้ว เราก็ควรแบ่งความรู้สึกให้กับตัวเอง อย่ามัวคิดถึงเรื่องแย่ๆ จนลืมมีความสุข บางทีมันทำยาก เข้าใจ.. แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลองทำดู

 

งานที่มีความสุข มีให้ทำมั้ย?
เคยถามตัวเองมั้ยว่าถ้าเราไม่ทำงานอันนี้ที่ทำอยู่ เราอยากทำอะไร งานอะไรที่ต่อให้เราทำแล้วไม่มีจะกินเราก็ยังจะพยายามทำมันต่อไป ทุ่มเวลาให้มัน เหนื่อยแค่ไหนก็ยังอยากทำ

แต่มันก็ยากอะเนอะ หลายคนรู้ว่าตัวเองไม่มีความสุขกับงานที่ทำ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไรให้มีความสุข

อาจจะเพราะภาระและค่าใช้จ่ายทำให้เราเลือกงานในฝันไม่ได้ อันไหนรายได้ดีก็ทำไป แต่พอทำๆ ไปสภาพจิตใจก็แย่ลงๆ จนเป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด

คนรู้จักของเราชอบเที่ยวมากๆ มันทำงานหนักเพื่อเก็บเงินไปเที่ยว สุดท้ายมันก็ไปทำงานเป็นแอร์โฮสเตส เพราะการไปทำงานในแต่ละครั้งทำให้มันได้ไปเที่ยว ถามว่าเหนื่อยมั้ย “เหนื่อยสิอีบ้า บินต่อกันขนาดนี้ร่างแทบพัง แต่ฉันจะได้ไปเที่ยวนะเว้ย ผู้โดยสารก็ผู้โดยสารเถอะ ลงเครื่องไปก็ลืมหน้ากันแล้ว”

เรื่องที่คนชอบคิดมากที่สุดคือเรื่องความสัมพันธ์ กับเพื่อน กับหัวหน้า กับเพื่อนร่วมงาน กับคนรัก กับครอบครัว เป็นเรื่องเซนสิทีฟกับคนเยอะมาก แต่ถ้าเราลองมองโลกในแง่ดี อาจจะเป็นผลดีกับเราเองด้วยก็ได้

การเกิดปัญหาที่มีผลกับความสัมพันธ์อาจไม่ใช่เรื่องแย่จนทำให้เราอยากเก็บตัว หรือไม่อยากสุงสิงกับใครเสมอไป แต่มันอาจจะเป็นกลไกธรรมชาติที่ช่วยคัดคนที่ไม่แมทกับชีวิตเราออกไป หรืออาจจะทำให้เราได้ทำความเข้าใจในตัวเขามากขึ้น มองแบบนั้นแล้วเดินหน้าต่อได้ ดีกว่ามานั่งโทษตัวเองหรือโทษใครๆ ก็เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดคนทั้งโลกได้ มันเหนือการควบคุม




เป็นโรคซึมเศร้าเพราะทำงานหนัก คุ้มไหมถ้าต้องเอาเงินที่ได้มารักษาตัวเอง

ถ้าวันนี้รู้แล้วว่างานที่ใช่อาจไม่ใช่งานที่มีความสุข งานที่ทำอยู่มีปัญหากับความรู้สึกเรา ก็ต้องลองเปลี่ยน อย่าทำงานหนักเพื่อมารักษาอาการซึมเศร้าของตัวเองในตอนสุดท้าย มันไม่คุ้มเสีย เพราะคนป่วยโรคซึมเศร้าบางคน คงไม่โชคดีที่ยอมรับการรักษาแบบเพื่อนเราทุกคน ยังมีอีกหลายคนข้างนอกนั่น ที่จบโรคซึมเศร้าของตัวเองลงด้วยการฆ่าตัวตายก็มี หรือกว่าจะยอมรับตัวเองได้อีกที ก็เสียช่วงเวลาที่ควรมีความสุขไปเสียแล้ว



เครดิตแหล่งข้อมูล : lifecoach
เครดิตภาพ healthlabclinic










เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์