อาหารเสริมน้ำมันปลาไม่ได้ช่วยป้องกันโรคหัวใจ

พวกเขากล่าวว่า “การกินปลาจริงๆนั้นมีประโยชน์ต่อหัวใจมากกว่าอีก”

การค้นพบนี้กระตุ้นให้มูลนิธิทางหัวใจแห่งชาติได้ทำการทบทวนข้อแนะนำของการทานปลาและน้ำมันปลา

นักวิจัยได้ทำการศึกษาข้อดีของอาหารเสริมน้ำมันปลาสำหรับโรคหัวใจของกลุ่มผู้ใช้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและกลุ่มที่มีปัญหาทางด้านโรคหัวใจ โดยให้ทำการกินอาหารเสริม

ศาสตราจารย์ Pual Nestel ซึ่งทำงานให้กับ Baker IDI Heart and Diabetes Institute ในเมลเบิร์น์ กล่าวว่า “จากข้อมูลที่ได้ตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งมาจากการศึกษาเป็นจำนวนมากและการศึกษาระดับดีเยี่ยม แสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารเสริมน้ำมันปลาไม่ได้มีข้อดีใดๆกับกลุ่มคนที่เป็นโรคหัวใจมาก่อนหน้านี้ มันไม่ได้มีผลดีอะไรไปมากกว่ายาหลอก”

ศาสตราจารย์ Nestel กล่าวว่า “เขาและทีมวิจัยของเขารู้สึกสับสนกับการค้นพบอีกอันหนึ่ง”

การศึกษาเป็นจำนวนมากกับกลุ่มคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและติดตามมาเป็นเวลาหลายปี รวมไปถึงประวัติการกินของพวกพวกเขา เมื่อทำการวิเคราะห์โดยละเอียดพบว่า การรับประทานปลามีโอกาสเป็นโรคหัวใจวายน้อยกว่า

สิ่งนี้เป็นอะไรที่น่าสงสัยเป็นอย่างมากว่า ทำไมการกินปลาจึงให้ผลดีแต่น้ำมันที่ได้มาจากปลานั้นกลับไม่พบผลดี

มีอะไรอย่างอื่นอีกมั้ยที่อยู่ในตัวของปลา หรือเป็นไปได้ไหมที่กลุ่มคนเหล่านี้ที่กินปลาเป็นจำนวนมากจะมีสุขภาพที่ดีมากกว่า

หรือบางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับชนิดของปลาเป็นพิเศษหรือไม่

Paul Nestel กล่าวว่า “พวกเรายังต้องการงานวิจัยอีกมากเพื่อที่จะชี้ให้ชัดว่าทำไมการกินปลาจึงดีต่อสุขภาพมากกว่าการกินอาหารเสริมน้ำมันปลา”

จริงๆแล้ว คนส่วนมากสนใจที่ส่วนประกอบอื่นๆของปลา แต่ไม่สามารถทำให้เชื่อได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ ยกเว้นน้ำมันปลา

การศึกษาที่เกี่ยวกับปลาต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากเกี่ยวกับตัววัดอื่นๆ พวกเราต้องดูรวมไปถึงปัจจัยต่างๆเช่น โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ ความดันโลหิต และปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม

แต่แม้ว่าจะรวมสิ่งเหล่านี้เข้าไปแล้วก็ตาม ปลาก็ยังดูมีแนวโน้มที่จะให้ผลดีมากกว่า

คนหลายๆคนรับประทานน้ำมันปลาเพื่อช่วยเรื่องของความสวยงาม

ศาสตราจารย์ Nestel กล่าวว่า การศึกษาอื่นๆ แสดงให้เห็นว่ามันมีประโยชน์จริงๆ และการวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอาหารเสริมนั้นมีความปลอดภัย

งานวิจัยใหม่กระตุ้นให้มูลนิธิทางหัวใจแห่งชาติทำการทบทวนแนวทางที่มีต่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาและปลาใหม่ ซึ่งงานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ในวารสารทางวิชการระดับนานาชาติ Heart, Lung and Circulation Journal

ที่มา : vcharkarn.com