ยารักษาโรคกระเพาะอาจทำให้ขาดวิตามิน B12

การใช้ยาเพื่อลดอาการของโรคกรดไหลย้อนหรือแผลในกระเพาะอาหารเป็นเวลานานมีความเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี12 เพิ่มมากขึ้น

จากการศึกษาประชากรกว่า 2 แสนคนในสหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่ใช้ยาในกลุ่มของยายับยั้งการหลั่งกรด ไม่ว่าจะเป็นยาในกลุ่มของ  Proton pump inhibitors (PPI) เช่น omeprazole, lansoprazole, esomeprazole และ rabeprazole  และยากลุ่มยับยั้งตัวรับฮิสทามีนชนิดที่ 2 (H2-receptor antagonist, H2RAs)  เช่น cimetidine, ranitidine และ famotidine  เพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหาร อาการอาหารไม่ย่อย แสบร้อนกลางอก หรือมีอาการของกรดไหลย้อน จะส่งผลให้ร่างกายขาดวิตามินบี12

ยาในกลุ่มของ Histamine H2 receptor antagonists หรือ H2 blockers เช่น cimetidine, ranitidine และ famotidine

ยาในกลุ่มนี้มีโครงสร้างคล้ายกับ histamine สามารถยับยั้งการหลั่งกรดได้โดยการแย่งจับกับ histamine  receptor บน parietal cells ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างกรด HCl ทำให้สามารถลดทั้งปริมาณกรดและเอนไซม์เพปซินในกระเพาะอาหารได้ ในปัจจุบัน ยาในกลุ่มนี้เป็นตัวเลือกรองจาก proton pump inhibitors ในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร

ยาในกลุ่มของ Proton pump inhibitors (PPI) เช่น omeprazole, lansoprazole, esomeprazole และ rabeprazole

ยาในกลุ่มนี้จะยับยั้ง proton pump หรือ H+/K+ ATPase ที่ผิวด้านบนของ parietal cell H+/K+ ATPase ทำหน้าที่นำกรด HCl ที่สร้างจาก parietal cell ออกไปยังกระเพาะอาหาร โดย PPI จะจับกับ H+/K+ ATPase อย่างถาวร ทำให้สามารถลดการหลั่งกรดได้มากกว่า 95% ดังนั้น PPI จึงเป็นยาที่ลดการหลั่งกรดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและออกฤทธิ์นานที่สุด จึงทำให้ PPI เป็น first line drug ที่ใช้ในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร

การขาดวิตามินบี 12 นั้นจะส่งผลต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นอาจทำให้เกิดโรคโลหิตจาง หรืออาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคทางประสาทเช่น โรคความจำเสื่อมหรือ เส้นประสาทถูกทำลาย เป็นต้น

การรับประทานยาเพื่อลดอาการของโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารในกลุ่มของยาลดกรดนั้นส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินบี12 เนื่องจากการดูดซึมวิตามินบี 12 นั้นต้องอาศัยกรดเกลือในกระเพาะอาหาร , intrinsic factor ที่ผลิตจากกระเพาะอาหาร และเอนไซม์ทริปซินซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ผลิตจากตับอ่อน เพื่อย่อยอาหารออกมาให้ได้วิตามินบี12 แล้ววิตามินนั้นจะถูกดูดซึมบริเวณลำไส้เล็กตอนปลาย (terminal ileum) แต่การรับประทานยาในกลุ่มเหล่านี้จะไปลดกรดเกลือในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้ร่างกายย่อยอาหารให้ได้วิตามินบี12 ลดลง

นักวิจัยได้ตรวจสอบบันทึกการรักษา (การวินิจฉัยโรค, การสั่งจ่ายยา, และผลการรักษา) ของผู้ใหญ่ที่รับการรักษาใน Kaiser Permanente พบว่า มีผู้ที่มีอาการขาดวิตามินบี12 มากถึง 25,956 คน ใน Northern California ระหว่างเดือนมกราคม ค.ศ. 1997 ถึงเดือนมิถุนายน 2011 ในขณะที่มีผู้ป่วยอีก 184,199 คน ที่ไม่มีอาการขาดวิตามินบี12

และยังพบว่า อาการขาดวิตามินมี12 จากการใช้ยาในกลุ่ม PPLs และ H2RAs นั้น จะเพิ่มขึ้นเมื่อได้รับโดสของยามากขึ้นและจะพบมากกว่าในผู้หญิงและเด็กที่มีอายุน้อย

สำหรับผู้ที่ใช้ยาในกลุ่มดังกล่าวแล้วมีอาการขาดวิตามินบี12 นั้นจะถูกรักษาโดยการให้ให้ทานวิตามินเสริมหรือโดยการฉีดวิตามินบี12 หรือ cyanocobalamin เข้าสู่ร่างกาย แต่การที่จะระบุว่าบุคคลใดเป็นมีอาการขาดวิตามินบี12 นั้นทำได้ยาก การขาดวิตามินบี 12 ในช่วงแรกจะไม่แสดงอาการจนกว่าจะขาดมาเป็นเวลา 5 – 6 ปี ซึ่งกว่าจะทราบผู้ป่วยก็มีอาการของโลหิตจาง Pernicious anemia หรือ megaloblastic anemia แล้ว

ดังนั้น ผู้ที่รับประทานยาในกลุ่มของ PPLs และ H2RAs และมีความวิตกกังวลว่าร่างกายจะขาดวิตามินบี12 ก็สามารถตรวจเลือดเพื่อวัดระดับของวิตามินบี12 ได้




ที่มา : vcharkarn.com

ยารักษาโรคกระเพาะอาจทำให้ขาดวิตามิน B12

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์