8 สิ่งที่ควรทำทุกวันเพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุล

หากคุณกำลังต่อสู้กับภาวะเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์แปรปรวน ท้องอืด ความคิดขุ่นมัว หรืออาการบวมน้ำที่ไม่ยอมหายไปก็อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่าฮอร์โมนของคุณกำลังขาดความสมดุล

จุดสมดุลของฮอร์โมนคืออะไร? สิ่งสำคัญอันดับแรกของคนส่วนใหญ่คือการใช้ชีวิตให้ยืนยาวและมีชีวิตชีวา ฮอร์โมนมีหน้าที่ควบคุมการอักเสบซึ่งการอักเสบก็เป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคที่มีความเสื่อมถอยของอวัยวะต่างๆอย่างอัลไซเมอร์ เป็นต้น การปรับฮอร์โมนให้สมดุลไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในตอนแรก แต่หลังจากที่ลองผิดลองถูกมาสักพักฉันก็ค้นพบวิธีที่จะทำให้ฮอร์โมนอยู่ในความควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ


8 สิ่งที่ควรทำทุกวันเพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุล

1. เริ่มวันใหม่ด้วยการยืนเท้าเปล่ากลางแดดตอน 6 โมงเช้า

ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและเตรียมพร้อมฮอร์โมนสำหรับวันใหม่ เซลล์รับแสงในดวงตาจะเชื่อมต่อกับต่อมไฮโปทาลามัสโดยตรงซึ่งเป็นส่วนที่สร้างสมาธิ ความสนใจ และความจำ ส่วนวิตามินดีจะช่วยเสริมสร้างระบบประสาทเหล่านี้ ดังนั้นการยืนตากแดดในตอนเช้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ

2. ดื่มยาอายุรเวทกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล

ทุกๆเช้าผสมน้ำอุ่นกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลออร์แกนิคเพื่อดื่มเป็นยาบำรุงซึ่งมีประโยชน์ต่อแบคทีเรียในลำไส้และที่สำคัญจะช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุลได้ด้วย เนื่องจากน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลมีรสเปรี้ยว

3. ใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุล

แนะนำให้รับประทานโสม วิตามินบี วิตามินดี และไบโอตินผสมกันทุกวันเพื่อบำรุงฮอร์โมน ด้วยความที่ชอบแนวทางปฏิบัติแบบตะวันออกซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศาสตร์ตะวันตก ส่วนผสมสำคัญ 4 อย่างซึ่งจะช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุล

สารสกัดโสมอินเดีย
มีส่วนช่วยในการปรับฮอร์โมนให้สมดุลรวมทั้งมีสรรพคุณต้านการอักเสบซึ่งดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและลำไส้ นอกจากนี้ยังต่อสู้กับคอร์ติซอลหรือที่รู้จักกันดีว่า "ฮอร์โมนความเครียด" ซึ่งสำคัญมากในการปรับสมดุลของระบบต่อมไร้ท่อ

โรดิโอลา
ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพของจิตใจ ลดระยะการฟื้นฟูสภาพของกล้ามเนื้อ ควบคุมการเต้นของหัวใจ และให้พลังงานแก่ร่างกายโดยที่ไม่ต้องอาศัยคาเฟอีน

สารฟอสฟาติดิลเซอรีน
โดยปกตินักกีฬาจะใช้สารฟอสฟาติดิลเซอรีนเมื่อต้องการพลังงาน สมาธิ และสมรรถภาพด้านกีฬา รวมถึงช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุลด้วย

วิตามินบี 12

4. ออกกำลังกายเพื่อลดระดับคอร์ติซอล

เมื่อต้องการลดน้ำหนักเราก็มักจะใช้มาตรการรุนแรง เช่น การออกกำลังกายแบบบูทแคมป์ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายทำงานหนักและระดับคอร์ติซอลก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นทำให้ฮอร์โมนขาดความสมดุลมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้คุณอาจจะรู้สึกง่วงและหิวแทนที่จะรู้สึกมีพละกำลัง

การออกกำลังกายเพื่อลดระดับคอร์ติซอล เช่น การฝึกโยคะเนื่องจากเป็นการฝึกความแข็งแกร่งที่ผสมผสานกับการเคลื่อนไหวไปพร้อมกับการกำหนดลมหายใจเพื่อผ่อนคลายจิตใจ ทำให้ระบบประสาทเกิดความสงบโดยธรรมชาติ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการเดินระยะยาวหรือเรียนเต้นรำคุณควรแน่ใจว่ากิจกรรมเหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่า

5. เล่น!

อย่างน้อยวันละ 15 นาทีเพื่อช่วยลดระดับคอร์ติซอลและฮอร์โมนอื่นๆที่ดีต่อสุขภาพให้อยู่ในความควบคุม ที่สำคัญการเล่นกลางแจ้งยังดีต่อสุขภาพลำไส้อีกด้วย

6. รับประทานอาหารมื้อค่ำโดยปฏิบัติตามเคล็ดลับ

ควรนับปริมาณผักทั้งหมดที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน (เป้าหมายคือวันละ 6 ถ้วย) เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสารอาหารเพียงพอ ผักเป็นอาหารพรีไบโอติกซึ่งจะช่วยบำรุงกลุ่มจุลินทรีย์ภายในร่างกาย ขณะที่การมีลำไส้ที่แข็งแรงจะช่วยป้องกันการแพ้อาหาร ควบคุมฮอร์โมน และสร้างเสริมอารมณ์ดี ว่ากันว่าอาหารมื้อค่ำถือเป็นมื้อที่เบาที่สุดของวันและบรรดาผักอันเป็นของโปรดในช่วงมื้อค่ำของฉันได้แก่ อาร์ติโชค หน่อไม้ฝรั่ง กล้วยสีเขียว และผักที่มีก้านอย่างบร็อคโคลี่ หากต้องการเพิ่มรสชาติให้กับอาหารจานผักของคุณ ขอแนะนำเครื่องเทศต่างๆ เช่น ขมิ้น ผักชี และยี่หร่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ระบบภายในร่างกาย

7. ทำอะไรให้ช้าลงและนอนให้มากขึ้น

นอนให้ได้คืนละ 9 ชั่วโมง ควรนอนหลับได้บ่อยเท่าที่ต้องการ  เนื่องจากร่างกายจะซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองในระหว่างที่นอนหลับ

เคล็ดลับที่ดีที่สุดในการเตรียมตัวเข้านอน

สวมแว่นตาตัดแสงสีฟ้า เนื่องจากแสงสีฟ้าจะรบกวนการผลิตเมลาโทนิน คุณจึงควรตั้งค่าอุปกรณ์ต่างๆให้เป็น "โหมดกลางคืน" หรือสวมแว่นตาตัดแสงสีฟ้า
ทำท่าหกสูง ฉันชอบทำท่านี้กับลูกๆในเวลากลางคืนเนื่องจากมันจะช่วยฟื้นฟูร่างกายและปรับฮอร์โมนให้สมดุล

8. ฝึกอดอาหารเป็นช่วงๆ

หนึ่งในเหตุผลของการรับประทานอาหารมื้อเย็นช่วงหัวค่ำก็เพื่อการฝึกอดอาหารเป็นช่วงๆ คำว่าช่วงๆคือช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ปกติจะประมาณ 12 ชั่วโมงแต่คุณสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกโดยพิจารณาจากประสบการณ์ของตัวเอง) และในช่วงนั้นคุณต้องไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่

การอดอาหารเป็นช่วงๆจะช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารได้พักผ่อน ซึ่งมีสรรพคุณต้านการอักเสบในร่างกายด้วย ขณะเดียวกันก็ช่วยควบคุมฮอร์โมนตามธรรมชาติและมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องอดอาหารและอยู่ในระยะโรคทุเลา ช่วงแรกอาจทำได้ยากแต่หลังจากนั้นนิสัยเหล่านี้ก็จะติดตัวคุณโดยอัตโนมัติ



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์