แก้อาการปวดหัว ได้อย่างง่ายดาย


แก้อาการปวดหัว ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อชีวิตไม่ได้ง่ายหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบ การที่คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตไปในทุกเรื่องจึงเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน

 ชีวิตที่ยากอาจนำพาความปวดหัวมาสู่คุณ และทำให้คุณต้องพบเจอกับคำว่าเหนื่อยหรือท้อใจได้ อย่างไรก็ตามนั้น อาการปวดหัวไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เกินไปที่จะแก้ไข หากเรามีวิธีการง่ายๆในการดูแลตัวเอง ก็สามารถทุเลาอาการดังกล่าวให้หายไปได้

ถ้าอาการปวดหัวกำลังสร้างความทรมานให้แก่คุณอยู่ ขอให้คุณใช้วิธีการเหล่านี้เพื่อแก้ไขปัญหา แล้วคุณจะไม่จำเป็นต้องปวดหัวอีกต่อไป ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการง่ายๆที่จะไล่อาการปวดให้หายไปจากหัวของคุณได้ภายในเวลา 5 นาที จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้นตามมาหาคำตอบกันได้เลยค่ะ

การแก้ไขอาการปวดหัวจะต้องเริ่มต้นจากการหาให้เจอก่อนว่าต้นเหตุของอาการปวดเกิดขึ้นจากสิ่งใด ตำแหน่งที่ปวดที่แน่นอนคือส่วนไหน เพื่อให้พอทราบว่าอาการปวดที่เป็นอยู่นั้นเกี่ยวเนื่องกับเรื่องใด หากไม่สามารถระบุได้เลยว่าอาการปวดที่เป็นอยู่เป็นอย่างไร ก็น่าจะยากที่จะแก้ไขอาการดังกล่าว

หลังจากที่ทราบตำแหน่งและลักษณะของอาการปวดศีรษะที่กำลังเป็นอยู่แล้ว ก็จะสามารถจำแนกหรือบอกโรคที่คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นอยู่ได้ โดยอาการปวดที่แตกต่างกันสามารถแสดงสาเหตุที่แตกต่างกันได้ ดังนี้

1. อาการปวดต่อเนื่องและปวดนานๆ หากอาการปวดหัวอยู่กับคุณตลอดเวลา ไม่หายไปเสียที น่าจะเป็นอาการของโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ลองผ่อนคลายสมองดูบ้างอย่าคิดให้มากเกินไป หาอะไรที่เบาสมองทำเป็นงานอดิเรก น่าจะช่วยให้อาการเหล่านี้หายไปได้เอง

2. อาการปวดหัวตุบๆ ข้างเดียวหรือสองข้าง หากก่อนจะเกิดอาการปวด คุณมีอาการเห็นแสงแปลกๆ และรู้สึกคลื่นไส้ อาการปวดหัวที่เป็นน่าจะเป็นก็คืออาการปวดไมเกรน ซึ่งหากเป็นไมเกรนก็จะต้องได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ทานยาและลดภาวะต่างๆที่จะส่งเสริมให้อาการปวดหัวกำเริบ

3. อาการปวดแปลบๆ เหมือนไฟช็อต อาการนี้จะตรงกันข้ามกับอาการที่กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากไม่ได้มีอาการปวดตลอดเวลา และจะปวดเฉพาะบริเวณแบบแปลบๆ คล้ายกับถูกไฟฟ้าชอต โดยเฉพาะบริเวณหน้า แก้ม และมีอาการหนักเวลาเคี้ยวอาหาร ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นอาการของโรคปลายประสาทอักเสบได้


4. อาการปวดหัวที่เป็นถี่ขึ้นเรื่อยๆ อาการปวดหัวที่รุนแรงและเกิดขึ้นหลายๆครั้งในระยะเวลาสั้นๆ บวกกับอาการตามัวพร่ามากขึ้น บางครั้งมองเห็นเป็นภาพซ้อน หรือรู้สึกร่างกายอ่อนแรง มีอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ทำให้ทานอาหารไม่ลงและน้ำหนักทรุด เป็นอาการที่รุนแรงมาก ซึ่งการที่จะเป็นอาการเช่นนี้ได้ไม่ใช่โรคที่เป็นแล้วหายในเวลาไม่นาน แต่ให้ลองไปตรวจเช็คว่าอาจจะมีเนื้อร้ายเกิดขึ้นในสมองของคุณก็เป็นได้ เพราะอาจเหล่านี้เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งในสมองนั่นเอง

5. อาการปวดหัวแล้วมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น มีน้ำมูกไหล น่าจะแปลว่าคุณไม่สบายแล้วละ อาจจะเป็นการปวดจากไซนัส หรือเมื่อคืนตากฝนมาหรือเปล่า ลองหายามาทาน นอนหลับให้เพียงพอ ตื่นขึ้นมาก็สามารถที่จะกลับมาสดใสอีกครั้งได้แล้ว

6. อาการปวดฉับพลันที่ท้ายทอย มีอาการคลื่นไส้อาเจียน และอ่อนแรงทันที อาการที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วนหรือเกิดขึ้นทันทีแบบนี้ต้องระวังให้มาก เพราะอาจเป็นหนึ่งในอาการแสดงโรคหลอดเลือดสมองแตกก็เป็นได้ หรือหากมีอาการปวดหัวและปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท แขนขาอ่อนแรง เดินเซ หรือชาตัวครึ่งซีก อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดในสมองตีบได้ ต้องรีบไปตรวจสอบโดยด่วน

7. อาการปวดอย่างรุนแรงที่ขมับ หรือปวดเมื่อยทั้งตัว หากเป็นอาการที่เกิดขึ้นในคนอายุมากให้ระวังว่าหลอดเลือดสมองอาจจะอักเสบได้ รีบพาท่านไปหาหมอก่อนที่อาการที่เป็นอยู่จะแย่จนแก้ไม่ทัน

หลังจากที่สามารถแยกอาการของโรคได้แล้ว สำหรับอาการปวดหัวที่เกิดจากความเครืยดหรืออาการไม่สบายเล็กๆน้อยๆ สามารถใช้วิธีต่อไปนี้ซึ่งเป็นการแพทย์แผนโบราณอินเดีย ในการบำบัดตัวเองได้ และสามารถหายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยวิธีการต่อไปนี้

เมื่อใดที่รู้สึกปวดหัวให้ยกนิ้วมือนิ้วไหนก็ได้ตามแต่สะดวก ขึ้นมาอุดรูจมูกด้านขวาไว้ แล้วใช้รูจมูกด้านซ้ายสูดลมหายใจเพียงข้างเดียว หายใจด้วยจมูกข้างเดียวสักครู่ ก็จะพบว่าอาการที่เป็นอยู่ค่อยๆบรรเทาลง ซึ่งการหายใจในรูปแบบนี้ต่างกับการหายใจในชีวิตปกติของเราพอสมควร ดังนั้น จึงควรหัดทำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้รู้สึกหายใจติดขัด และหากเมื่อใดที่เริ่มรู้สึกปวดหัวนิดๆ ก็สามารถยกนิ้วขึ้นมาอุดจมูกเพื่อหายใจในรูปแบบใหม่ได้เลย เพราะการดับอาการปวดตั้งแต่ต้น จะทำให้อาการปวดหัวรุนแรงน้อยลงได้อย่างไรก็ตาม

วิธีการตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเหมาะกับการแก้ไขอาการปวดที่มีสาเหตุไม่ซับซ้อน แต่หากเป็นอาการปวดหัวจากมะเร็งหรือจากหลอดเลือดในสมอง ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีธรรมดาเช่นนี้ได้ ให้แก้ไขตามที่แพทย์แนะนำจะเหมาะสมและปลอดภัยมากกว่าค่ะ

แก้อาการปวดหัว ได้อย่างง่ายดาย

เครดิตแหล่งข้อมูล : สุขภาพน่ารู้


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์