แพทย์เตือน คนชอบแคะจมูกคันจมูกบ่อย ซ่อนความเสี่ยง3ปัญหาใหญ่


แพทย์เตือน คนชอบแคะจมูกคันจมูกบ่อย ซ่อนความเสี่ยง3ปัญหาใหญ่


พฤติกรรมทางร่างกายอย่างการแคะเล็บเวลาที่ไม่มีอะไรทำ หรือแคะจมูกเพื่อให้รู้สึกโล่งใจ ไม่เพียงแต่การทำเช่นนี้ในที่สาธารณะจะไม่น่ามองเท่านั้น ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคอีกด้วย

นพ.หวง เสวียน ผู้เชี่ยวชาญด้านทรวงอกและการดูแลผู้ป่วยหนัก อธิบายว่า "การแคะจมูกตลอดเวลา" อาจซ่อนความเสี่ยงหลัก 3 ประการ ได้แก่ โรคภายในโพรงจมูก ความเจ็บป่วยภายใน และการได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศและความชื้นภายในอาคาร ซึ่งอาการเหล่านี้ทำให้เกิดอาการแคะจมูกโดยไม่รู้ตัว




1. โรคในโพรงจมูก ได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ นักวิจัยได้รวบรวมนิสัยการแคะจมูก การสั่งน้ำมูก และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้จากอาสาสมัคร 150 คน ผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการแคะจมูกมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ นั่นคือ การอักเสบซ้ำ ๆ จากการแพ้

รวมถึงการมีน้ำมูก คัดจมูกง่าย หรือมีสิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูกทำให้อยากคัดจมูกตลอดเวลา การวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่าการแคะจมูกอาจเป็นกลไกบรรเทาอาการเองได้ ซึ่งช่วยกำจัดเชื้อโรคในโพรงจมูก จึงช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

2. ความเจ็บป่วยภายใน เช่น ความวิตกกังวล ความเครียด หรือความเบื่อหน่ายอาจทำให้คนแคะจมูกได้ การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน "Journal of Health Psychology" ชี้ให้เห็นว่าความวิตกกังวลสามารถเพิ่มโอกาสที่ผู้คนจะมีพฤติกรรมแคะจมูกหรือกัดเล็บ และการศึกษาอื่นพบว่าเมื่อผู้คนรู้สึกเครียด พวกเขามีแนวโน้มแคะจมูกมากขึ้น

3. การเปลี่ยนแปลงของอากาศและความชื้นภายในอาคาร โดยนักวิจัยพบอาสาสมัคร 120 คนและแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 40 คน พวกเขาอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นต่ำ 30% ความชื้นปานกลาง 50% และสภาพแวดล้อมในร่มที่มีความชื้นสูง 70% หลังจาก 4 สัปดาห์



4 วิธีการดูแล


มีความชื้นต่ำและมีความชื้นสูง ซึ่งหมายความว่าหากอากาศภายในห้องแห้งหรือชื้นเกินไป เมือกในโพรงจมูกจะสะสม ทำให้คนอยากแคะจมูกตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว

ทำอย่างไรถึงจะลดความถี่ในการแคะจมูก นพ.หวง เสวียนแนะนำ 4 วิธี ดังนี้ 1. ดูแลสุขอนามัยและการทำความสะอาดจมูกให้ดี จากการศึกษาในปี 2018 พบว่าในผู้ป่วยไซนัสอักเสบ การใช้ที่ขัดจมูกเป็นประจำช่วยลดอาการน้ำมูกและคัดจมูกได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้คัดจมูกน้อยลงและหายใจได้ดีขึ้น

ส่วนการศึกษาอื่นพบว่าการล้างจมูกบ่อย ๆ สามารถลดการเกาะติดของเชื้อโรคในเยื่อเมือกได้ และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไซนัส ดังนั้น การรักษาสุขอนามัยของจมูกที่ดีสามารถช่วยลดการสะสมของน้ำมูกและพฤติกรรมการแคะจมูกได้





2. พฤติกรรมจิตบำบัด หากคุณมีอาการคัดจมูกบ่อย ๆ เนื่องจากความวิตกกังวลและความเครียด การบำบัดพฤติกรรมทางความคิดและเทคนิคการผ่อนคลายสามารถช่วยลดพฤติกรรมแคะจมูกได้ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร "Clinical Psychological Science" ในปี 2022 พบว่าการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญาสามารถลดอารมณ์ด้านลบและความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และคาดว่าจะลดพฤติกรรมร่างกายที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น การแคะจมูกหรือกัดเล็บ

3. สภาพแวดล้อมมีความชื้นที่เหมาะสม การศึกษาชี้ให้เห็นว่าเมื่อความชื้นในร่มต่ำกว่า 50% น้ำมูกในโพรงจมูกจะหนาขึ้นและสะสมในรูจมูกได้ง่าย ทำให้ผู้คนอยากแคะจมูก เมื่อความชื้นในร่มสูงถึง 50% เสมหะจะบางลงและหายใจออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งสามารถลดพฤติกรรมการแคะจมูกได้

นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าความชื้นในสิ่งแวดล้อมที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจทำให้น้ำมูกสะสมและกระตุ้นให้คัดจมูกได้ ดังนั้น ขอแนะนำให้รักษาความชื้นในอากาศภายในอาคารไว้ที่ 50% และรักษาสภาพแวดล้อมในร่มที่เหมาะสมเพื่อลดน้ำมูก




4. การรักษา หากเกิดอาการพร้อมกับโรคในโพรงจมูกจะช่วยลดอาการแคะจมูกได้ โดยนักวิจัยคัดเลือกผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้จำนวน 200 ราย และสุ่มแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มทดลองได้รับการรักษาด้วยยาแก้แพ้และกลุ่มควบคุมได้รับการรักษาด้วยยาหลอก

ในช่วง 8 สัปดาห์ ผู้ป่วยมีอาการจมูกอักเสบและคัดจมูก มีการประเมินพฤติกรรมผลการวิจัยพบว่าหลังจากได้รับการรักษาด้วยยาภูมิแพ้แล้ว อาการของโรคจมูกอักเสบดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและความถี่ในการคัดจมูกก็ลดลง ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอก ๆ กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ควรรับรักษาด้วยยาที่เหมาะสมได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการแล้ว ยังหลีกเลี่ยงการแคะจมูกอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย



เครดิตแหล่งข้อมูล : ettoday , ข่าวสด


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์