แค่กล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็อาจรุนแรงถึงชีวิต!


แค่กล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็อาจรุนแรงถึงชีวิต!

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่สั่งการสมอง และไขสันหลัง เป็นโรคที่พบได้น้อย ประมาณปีละ 1.25-2.5 รายต่อประชากรแสนคน ซึ่งโรคนี้จะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงเล็กน้อย และจะเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุเฉลี่ย 60 ปี สาเหตุส่วนใหญ่ยังไม่ทราบแน่ชัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และที่น่าตกใจก็คือร้อยละ 50 ของผู้ป่วยโดยเฉลี่ยจะเสียชีวิตหลังจากมีอาการในระยะเวลาประมาณ 2 ปี

อาการแบบไหน ใช่! โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาการของโรคกล้ามเนื้อลีบและอ่อนแรง มีแสดงออกในลักษณะ การยกแขนไม่ขึ้น ข้อมือหรือข้อเท้าตก เดินสะดุดล้มบ่อย รวมไปถึงกล้ามเนื้อบางส่วนกระตุก ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดที่แขนขาข้างใดข้างหนึ่งก่อน แล้วจึงลุกลามไปยังส่วนที่ใกล้เคียง จนผู้ป่วยมีอาการทั้งตัว กระทบต่อการกลืน สำลักบ่อย ลิ้นแข็ง ลิ้นลีบ มีปัญหาในการพูด และลามไปยังระบบการหายใจในที่สุด

ตรวจวินิจฉัยให้รู้ว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
การวินิจฉัยโรคนี้ แพทย์จำเป็นต้องจำแนกโรคอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกันออกไปก่อน เช่น ภาวะพร่องวิตามินบี 12, โรคที่ไขสันหลังระดับคอ โดยการตรวจภาพเอ็มอาร์ไอ ( MRI ), การตรวจเส้นประสาท และกล้ามเนื้อด้วยคลื่นไฟฟ้า (EMG) เมื่อวินิจฉัยแน่ชัดแล้ว ก็จะเร่งนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างเร่งด่วน

รักษาอย่างไร เมื่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ยาที่ใช้ในการรักษาโรคนี้ ชื่อ riluzole ซึ่งเป็นยาที่ช่วยชะลอการดำเนินของโรค โดยมีฤทธิ์ในการยับยั้งสารกลูตาเมท ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดการตายของเซลล์ จึงอาจพูดได้ว่าการรักษาส่วนใหญ่เป็นแบบประคับประคอง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น การออกกำลังกาย ทำกายภาพบำบัดเพื่อป้องกันข้อติด การสนับสนุนให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าผู้ป่วยเริ่มมีอาการเหนื่อย หายใจลำบาก ก็อาจต้องพิจารณาใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดไม่ใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อให้ผู้ป่วยเหนื่อยลดลง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายาในการรักษาโรคดังกล่าวจะยังมีค่อนข้างจำกัด แต่การดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดโดยผู้เชี่ยวชาญก็จะลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับภาวะปกติมากที่สุด

เครดิตแหล่งข้อมูล : phyathai



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์